เป็นเหยื่อรายที่ 5 แล้วที่ต้องสูญเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าซึ่งที่ 5 นี้เป็นชายอายุประมาณ 50 ปีอยู่ที่จังหวัดนราธิวาสโดยสาเหตุของการติดเชื้อนั้นจากการตรวจสอบไทม์ไลน์ของการเดินทางไปไหนมาไหนของไทยคนดังกล่าวพบว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่บรรยายธรรมซึ่งเขาเพิ่งเดินทางกลับมาจากการบรรยายเกี่ยวกับศาสนาที่ประเทศมาเลเซียดังนั้นจึงคาดการณ์ได้ว่าชายคนดังกล่าวติดเชื้อไวรัสโคโรน่ามาจากประเทศมาเลเซียซึ่งเขามีอาการป่วยแค่เพียง 7 วันเท่านั้น
หลังจากนั้นก็เสียชีวิตในเวลาต่อมาโดยครอบครัวของชายชาวจังหวัดนราธิวาสต่างก็ร่ำไห้และรับไม่ได้กับการสูญเสียในครั้งนี้โดยภรรยาของชายคนดังกล่าวได้บอกเล่าให้กับทางผู้สื่อข่าวฟังว่าสามีเป็นหัวหน้าครอบครัวที่เป็นคนหาเลี้ยงคนทั้งครอบครัวคนเดียวโดยเธอและสามีมีลูกด้วยกันทั้งหมด 9 คน
สำหรับตัวเธอเองนั้นไม่ได้ทำงานอะไรเพราะมีหน้าที่เป็นแม่บ้านและดูแลลูกๆเท่านั้นดังนั้นในการขาดเสาหลักอย่างสามีไปในครั้งนี้ทำให้เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปกับชีวิตดีตอนนี้รู้สึกเคว้งคว้างไปหมดเพราะไม่เคยทำงานมาก่อนไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นยังไงและชีวิตเธอยังต้องดูแลลูกทั้งหมดอีก 9 คน
ตอนนี้เธออยากจะให้รัฐบาลเข้ามาดูแลครอบครัวของเธอให้ช่วยเหลือเยียวยาให้ครอบครัวของเธอผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปให้ได้ในขณะนี้ชาวบ้านที่อยู่ในละแวกใกล้บ้านของเธอ
ต่างก็พากันหวาดกลัวเชื้อโรคที่อยู่ในบ้านของใช้ผู้เสียชีวิตจะมีการแพร่ระบาดออกมาข้างนอกทำให้ประชาชนอยู่ในละแวกใกล้เคียงอาจจะติดเชื้อโรคไวรัสโคโรน่าได้รวมถึงแม้แต่ญาติพี่น้องของตัวเองเมื่อเดินทางมาเยี่ยมเยียนกันก็ไม่ยอมเข้ามาในบ้านยืนคุยอยู่แค่เพียงหน้าบ้านและเย็นห่างกับเธอถึงเกือบ 5 เมตรเลยทีเดียวเพราะทุกคนต่างก็กลัวว่าจะติดเชื้อไวรัสโคโรน่าจากเธอซึ่งเธอยืนยันว่าหลังจากที่สามีเสียชีวิตแล้ว
และทุกคนในครอบครัวได้มีการไปตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรน่าแล้วว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ซึ่งผลปรากฏออกมาแล้วว่าเธอและลูกทั้ง 9 คนไม่ได้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าอย่างแน่นอนแต่ถึงแม้จะมีออกมาบอกใครหลายๆคนแต่ก็ไม่มีใครไว้วางใจที่จะเข้าใกล้เธอและลูกๆของเธอทั้ง 9 คนเลยทำให้ชีวิตในตอนนี้ของเธอค่อนข้างที่จะดำเนินไปอย่างค่อนข้างลำบาก
ต้นทางโรงพยาบาลได้มีการนำศพของสามีของเธอมาประกอบพิธีทางศาสนาซึ่งสามีเธอนับถือศาสนาอิสลามจึงได้มีการฝังศพแต่การฝังศพในครั้งนี้อาจารย์ไม่สามารถเข้าไปร่วมพิธีได้ทำได้แค่ยืนมองอยู่ห่างๆซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะมีการนำเชือกมากั้นเอาไว้และผู้ที่ทำงานฝังศพเอง
ก็จะเป็นทางเจ้าหน้าที่ที่มีการใส่ชุดป้องกันการติดเชื้ออย่างรัดกุมเอาไว้แล้ว ซึ่งหลังจากนี้ชาวจังหวัดนราธิวาสที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงกับบ้านของผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าอ่านก็ออกมาใส่หน้ากากอนามัยรวมถึงนำเจลล้างมือติดมือเพื่อทำความสะอาดมืออยู่ตลอดเวลาเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าและไม่อยากจะเสียชีวิตชายคนดังกล่าว