คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวสังคมทั่วไป

ต้นไม้อัปมงคลไม่เหมาะจะปลูกไว้ในบ้าน

เราสามารถใช้ประโยชน์จากต้นไม้ได้ทั้งให้ร่มเงา และแม้แต่ต้นไม้บางชนิดก็สามารถนำมาประกอบอาหารกินได้ แต่ก็ยังมีต้นไม้อีกหลายชนิดที่ผู้คนไม่นิยมนำมาปลูกไว้ในบริเวณบ้านซึ่ง ต้นไม้เหล่านั้นถูกมองว่าเป็นต้นไม้อัปมงคล มาดูกันว่าต้นไม้ชนิดไหนบ้างที่เราไม่ควรนำมาปลูก

  1. ต้นกล้วยตานี  สำหรับต้นไม้ชนิดนี้ คนโบราณถือว่าเป็นต้นไม้ที่มักจะมีวิญญาณร้ายมาสิงอยู่ จึงไม่เหมาะนำมาปลูกในบริเวณบ้านเพราะจะนำโชคร้ายมาให้ 
  2. ต้นมะตูม  สำหรับต้นมะตูมนั้นคนโบราณไม่นิยมนำมาปลูกไว้ในบริเวณบ้านทั้งที่มีการนำผลของมะตูมนำทานหรือนำมาต้มเป็นน้ำทานหวานชื่นใจ นั่นก็เพราะชื่อของต้นมะตูม ไม่เป็นมงคล เพราะคำว่าตูม ออกเสียงคล้ายกับเสียงของระเบิดดังนั้นคนโบราณจึงจัดต้นมะตูมไว้ในหมวดของต้นไม้อัปมงคล จึงไม่นิยมนำมาปลูกไว้ในบ้านกัน
  3. ต้นมะขาม  สำหรับต้นมะขามบางตำราบอกว่าควรปลูกเพราะชื่อหมายถึงให้คนเกรงขามแต่คนโบราณไม่นิยมให้ปลูกเพราะเชื่อว่าต้นมะขามเป็นต้นไม้ที่มีขนาดลำต้นใหญ่และมีอายุยาวนาน เชื่อกันว่ามักจะมีวิญญาณมาสิงอยู่ จึงไม่นิยมให้ปลูกในบริเวณบ้าน
  4. ต้นตะเคียน ต้นไม้ชนิดนี้เป็นอีกต้นที่เป็นต้นไม้ต้องห้ามในการปลูกในบริเวณบ้านเป็นอย่างมาก เนื่องจากเชื่อกันว่าต้นไม้ชนิดนี้มักมีวิญญาณของหญิงสาวมาอาศัยอยู่ แต่ถึงกระนั้นผู้คนต่างก็พากันไปกราบไหว้ต้นตะเคียนเพื่อนำเลขมาซื้อหวย
  5. ต้นเต่าร้าง แค่ความหมายก็ไม่ดีแล้ว จึงไม่เหมาะอย่างมากที่จะนำมาปลูกในบ้าน เพราะความหมายจะหมายไปถึงให้คนในบ้านเกิดการหย่าร้างกัน
  6. ต้นแคป่า หรือต้นแคนา  เป็นอีกต้นที่เป็นต้นไม้ต้องห้ามเพราะปกติต้นไม้ชนิดนี้จะขึ้นในป่า เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ซึ่งคนโบราณเชื่อว่าจะมีวิญญาณมาอาศัยอยู่ แต่ในปัจจุบันต้นไม้ชนิดนี้ ตามโครงการในหมู่บ้านใหญ่ๆมักจะนำมาปลูกเพื่อให้ความร่มรื่นกับหมู่บ้าน
  7. ต้นพุดตาน  สำหรับต้นไม้ชนิดนี้ไม่ค่อยมีคนรู้จักกันมากนัก แต่ก็เป็นหนึ่งในต้นไม้ต้องห้าม อยู่ในหมวดต้นไม้อัปมงคล ด้วยดอกพุดตานมักจะเปลี่ยนสีได้เองตลอดทั้งวัน จากขาวเป็นชมพูอ่อนและจะค่อยๆเข็มข้นเรื่อยในตอนบ่าย ซึ่งคนโบราณเชื่อว่าปลูกต้นพุดตานแล้วจะทำให้กลายเป็นคนสับปลับ พูดจากลับไปกลับมาเชื่อถือไม่ได้
  8. อีกต้นที่ไม่เหมาะกับการปลูกในบ้านนั่นคือ ต้นรักเร่ ด้วยชื่อที่ไม่เป็นมงคลอย่างมาก ซึ่งหมายถึงมากรักหลายใจ เป็นคนที่หาความจริงใจไม่ได้จึงกลายมาเป็นต้นไม้ต้องห้ามอีกต้นหนึ่ง

ข่าวที่น้องทิมออกมาดราม่ากลัวจะไม่ได้เรียนหมอ

ข่าวที่น้องทิมออกมาดราม่ากลัวจะไม่ได้เรียนหมอเพราะค่าเทอมแพงปีละ 400,000 นั้นทางกระทรวงยืนยันออกมาว่าน้องได้เรียนแน่นอน 

จากกรณีที่มีเด็กนักเรียนผู้ชายคนหนึ่งเป็นนักเรียนชั้นปอหกของโรงเรียนสามัคคีศึกษาอยู่ที่จังหวัดตรังได้ออกมาบอกว่าตัวเองสอบติดคณะแพทย์ศาตของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ แต่อาจจะไม่ได้เรียนต่อด้านการแพทย์อย่างที่ตั้งใจเอาไว้เพราะด้วยฐานะทางบ้านมีฐานะที่ไม่ค่อยดีมากนักพ่อแม่จึงไม่มีเงินส่งให้เราเรียนได้ตามที่ต้องการ

ซึ่งเด็กชายคนหนึ่งกล่าวได้มีการแสดงผลการเรียนให้เห็นว่าเขาเป็นเด็กเรียนเก่งเรียนดีซึ่งเด็กชายคนดังกล่าวได้มีการโพสต์ขอความช่วยเหลือจากกลุ่มชาวสังคมโซเชียลอยากจะให้ช่วยออกเงินค่าเล่าเรียนให้กับตนเอง

เพราะตนเองไปฝันอยากจะเป็นนายแพทย์แต่ถ้าเกิดฐานะทางบ้านยังเป็นอย่างนี้ก็อาจจะทำให้ฝันของเค้าไม่เป็นความจริงขึ้นมาได้ ซึ่งเมื่อมีการแชร์เกี่ยวกับการขอความช่วยเหลือของเด็กชายคนนี้ออกมาหลายฝ่ายก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องของราคาค่าเทอมที่ดูจะสูงเกินไปมากนักสำหรับคนที่เรียนดีแต่มีฐานะยากจนจนเรื่องหนึ่งกล่าวโด่งดังมาถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา

ซึ่งได้ออกมายืนยันกับทุกคนว่ากรณี

อย่างน้องทีมเด็กชายที่โพสต์ขอความช่วยเหลือเรื่องการขอเงินค่าเทอมเพื่อไปเป็นค่าเทอมสำหรับการเรียนแพทย์นั้นเท่าที่เช็คกับทางมหาวิทยาลัยค่าใช้จ่ายไม่ได้มากมายถึงขนาดนั้นโดยทางมหาวิทยาลัยเองก็ได้มีการนำเอกสารชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของการเรียนแพทย์ออกมาให้ประชาชนได้รับทราบรวมถึงยังมีการระบุด้วยว่าทางมหาวิทยาลัยเองก็มีทุนการศึกษาให้หากเด็กคนไหนมีการดินดีแต่มีฐานะยากจน

ซึ่งโดยปกติทุนการศึกษานี้ก็จะมีให้กับทุกโรงเรียนอยู่แล้วดังนั้นหากน้องเป็นเด็กเรียนดีแต่ขาดแคนทุนทรัพย์ทางมหาวิทยาลัยก็ยินดีให้การสนับสนุนโดยนักศึกษาไม่จำเป็นต้องลาออก ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้อาจจะเกิดขึ้นได้จากที่เด็กชายทิมอาจจะยังไม่รู้ว่าจะต้องไปขอทุนการศึกษาจากที่ไหนทำให้เกิดความกลัวว่าจะไม่ได้เรียนอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ดังนั้นทางโรงเรียนเองหรือแม้แต่ทางกระทรวงการศึกษาที่การควรจะมีการคิดหามาตรการที่จะสามารถประชาสัมพันธ์ให้กับเด็กเด็กและผู้ปกครองตามต่างจังหวัด

สามารถรู้ได้ว่าหากเราไม่มีทุนในการเรียนต้องการที่จะเป็นการขอทุนการศึกษาจากทางโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยแล้วควรจะติดต่อใครผ่านช่องทางไหนได้บ้างเพื่อที่เขาเหล่านั้นจะได้หาข้อมูลเบื้องต้นในการที่จะไปติดต่อขอทุนการศึกษาเพื่อที่จะได้ไม่มีกรณีเหมือนเด็กใช้ทิมเกิดขึ้นที่ต้องหันมาพึ่งถึงการศึกษาจากโลกโซเชียลเพียงเพราะไม่รู้ข้อมูลก็จะต้องไปหาทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัยได้อย่างไร