แม่ค้าชาวพิจิตรจวกรัฐบาลประยุทธ์ ทั้งปัญหาขายของไม่ได้และการเยียวยาประชาชน

แม่ค้าชาวพิจิตรจวกรัฐบาลประยุทธ์  เมื่อวันที่ 20 เดือนกรกฎาคมปีพศ 2564 มีการรายงานข่าวออกมาจากนักข่าวในจังหวัดพิจิตรระบุว่าในขณะนี้การระบาดของไวรัสโคโรนานั้นทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการระบาดของไวรัสโคโรน่าครั้งที่ 3 เป็นการระบาดอย่างรุนแรงและครอบคลุมหลายพื้นที่ซึ่งทุกครั้งที่มีการระบาดของไวรัสโคโรนาประชาชนได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลมีแนวความคิดในการที่จะหยุดการระบาดด้วยการประกาศล็อกดาวน์

         อย่างไรก็ตามล่าสุดที่รัฐบาลมีการประกาศล็อกดาวน์ ในพื้นที่เสี่ยงประมาณ 13 จังหวัดนั้น หลังจากมีการประกาศออกมาจากทางรัฐบาลก็ทำให้คนที่อยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑลซึ่งเป็นคนต่างจังหวัดนั้นเดินทางกลับต่างจังหวัดบ้านเกิดเมืองนอนของตนเองกันเป็นจำนวนมาก

เนื่องว่าการล็อกดาวนั้นใช้ระยะเวลาในการดำเนินการนานเกือบเดือน

ทำให้คนที่เป็นคนต่างจังหวัดแล้วมาทำงานอยู่ในกรุงเทพฯจำเป็นที่จะต้องกลับบ้านของตนเองเพราะไม่ได้มีการทำงานและเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย

         สิ่งที่ตามมานั่นก็คือในหลายจังหวัดนั้นมีประชาชนเดินทางกลับเป็นจำนวนมากทำให้ชาวบ้านต่างก็พากันหวาดกลัวว่ากลุ่มคนที่เดินทางออกจากกรุงเทพฯกับต่างจังหวัดนั้นจะนำเชื้อไวรัสไปแพร่กระจายให้กับคนในพื้นที่ทำให้ในขณะนี้หลายคนนั้นพยายามอยู่แต่ในบ้านและไม่ยอมออกนอกบ้านไม่มีการใช้จ่ายเงิน  สิ่งที่เป็นปัญหาตามมาต่อจากการล็อคดาวของรัฐบาลนั้นก็คือเศรษฐกิจย่ำแย่มากยิ่งขึ้นเพราะประชาชนไม่ออกมาซื้อของ  

         ส่งผลให้ทำให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้านั้นไม่สามารถขายของได้เปิดร้านค้ามาก็มีแต่ความเงียบเหงาเพราะทุกคนนั้นกลัวว่าจะออกมาแล้วเจอกับการติดเชื้อไวรัสโควิดทำให้ในขณะนี้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าในตลาดต่างก็พากันหวาดกลัวว่าตนเองนั้นจะขาดทุนและเจ้งได้ เพราะลงทุนมาแล้วแต่ไม่สามารถขายของได้ทั้งหมด

       อย่างไรก็ตามเมื่อมีนักข่าวไปพูดคุยกับทางบรรดาแม่ค้าที่ขายของอยู่ใกล้กับตลาดเทศบาล 2 เมืองพิจิตรปรากฏว่ามีแม่ค้าหลายคนให้สัมภาษณ์กับนักข่าวทั้งน้ำตาเลยว่าในขณะนี้พวกเขาได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากนอกจากจะต้องหวาดกลัวเรื่องของการติดเชื้อไวรัส covid แล้ว

การค้าการขายของพวกเขานั้นก็ขาดทุนอย่างต่อเนื่อง

แม่ค้าชาวพิจิตรจวกรัฐบาลประยุทธ์ ขายของแทบไม่ได้เลยกำไรจากเดิมที่ได้วันละประมาณ 500 ถึง 1,000 บาทก็ลดลงมาเหลือแค่วันละประมาณ 200-300 บาทหรือบางวันแทบจะไม่สามารถขายได้กำไรเลย  

        ในตอนนี้แทบจะไม่มีคนออกมาซื้อของกันแล้วอย่างไรก็ตามสำหรับที่รัฐบาลมีการประกาศออกมาช่วยเหลือประชาชนตามโครงการต่างๆเช่นโครงการคนละครึ่งนั้น ชาวบ้านที่ขายของยืนยันว่าคนในจังหวัดพิจิตรนั้นไม่มีใครเข้าร่วมโครงการเพราะหลังจากที่เห็นเรื่องของภาษีที่มีการเรียกเก็บกับแม่ค้าแล้วพวกเขายอมรับว่าไม่สามารถที่จะสู้ภาษีที่รัฐบาลมีการเรียกเก็บได้

         ดังนั้นในขณะนี้ประชาชนหลายคนนั้นกำลังจะอดตายกันแล้ว โดยในตอนนี้หลายคนนั้นต้องไปกู้เงินนอกระบบมาใช้งานกันแล้วซึ่งแม่ค้าในจังหวัดพิจิตรอยากจะให้ประชาชนมองเห็นถึงความสำคัญด้านนี้โดยมองว่าถ้าหากรัฐบาลไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้ก็อยากจะให้ลาออกไปให้คนอื่นเข้ามาดำเนินการแก้ไขปัญหาแทน 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.   ufabetฝ่ายบริการ