เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเอาบัตรไปกดให้ปรากฎเงินหาย 5000 บาท

ป้าป่วยเดินไม่ได้สามีกดเงินไม่เป็นวานเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเอาบัตรไปกดให้ปรากฎเงินหาย 5000 บาท

           เวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุจากชาวบ้านว่าเงินในบัญชีหายไป 5,000 บาทจึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยตรวจสอบและติดตามเงิน 500 บาทคืนมาให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่หนึ่งทั้งคู่เป็นคนจังหวัดบุรีรัมย์โดยใส่ภรรยานั้นป่วยต้องเดินทางไปฟอกไตที่โรงพยาบาล

ซึ่งต้องฟอกไตอาทิตย์ละ 3 วันอยู่แล้วโดยเธอมาฟอกไตอย่างนี้เป็นระยะเวลา 7 ปีด้วยกันแล้วกับโรงพยาบาลแห่งนี้โดยสามีภรรยาคู่นี้อายุประมาณ 50 กว่าปีซึ่งหญิงป่วยไม่สามารถลุกเดินได้ส่วนฝ่ายชายเองก็ไม่สามารถที่จะกดเงินได้เพราะ atm ไม่ในวันเกิดเหตุสองสามีภรรยาพากันมาฟอกไตที่โรงพยาบาลเหมือนเคยซึ่งลูกสาวที่อยู่ต่างจังหวัดได้มีการโทรมาบอกว่ามีการโอนเงินมาให้ใช้หนี้ประมาณ 5,800 บาท

ซึ่งตัวตนเองนั้นมีเงินอยู่ในบัญชีเหลืออยู่ 287 บาทดังนั้นเมื่อคำนวณยอดเงินในบัญชีของเธอแล้วจะต้องมีเงินอยู่ที่ 6,087บาท สองสามีภรรยาได้มีการไหว้วานให้พนักงานของโรงพยาบาลคนหนึ่งไปทำการกดเงินออกจากบัญชีให้ด้วยร้องขอให้มีการกดเงิน 5,000 บาท

เนื่องจากจะต้องนำเงินดังกล่าวใช้หนี้เป็นค่านมของหลานซึ่งเป็นลูกสาวของลูกสาวคนเองที่ส่งเงินมาให้โดยให้บัตร ATM พนักงานโรงพยาบาลคนนั้นไปซึ่งเขาหายไปได้ไม่นานก็กลับมาแล้วบอกว่าเงินในบัญชีมีไม่พอกดเพราะในบัญชีเหลือเพียงเงินแค่เพียง 1087 บาทเท่านั้น

ทำให้เมื่อวานพนักงานของโรงพยาบาลคนเดิมไปกดเงินออกมาให้ 1,000 บาทแล้วเธอก็โทรไปสอบถามลูกสาวเกี่ยวกับเรื่องของเงินว่าเงินยังไม่มีเข้าในบัญชีซึ่งลูกสาวของเธอก็ได้มีการส่งสลิปการโอนเงินยืนยันว่ามีการโอนเงิน 5,800 บาทเข้ามาในบัญชีของเธอจริง ดังนั้นเธอจึงนำสมุดบัญชีไปติดต่อที่ธนาคารเพื่อรับบุ๊คแบงค์ดูอีกครั้งหนึ่งว่ามีเงินเข้ามาจริงหรือไม่และมีการเช็คกับทางธนาคารเกี่ยวกับเรื่องของการถอนเงินออกไป

ซึ่งพบว่ายอดเงินที่ลูกสาวโอนเข้ามา 5,000 บาทนั้นมีการโอนเข้ามาจริงและมีการถอนเงินออกไปครั้งแรกในวันที่เกิดเหตุ 5,000 บาทและอีก 10 นาทีต่อมามีการกดอีก 1,000 บาทเธอจึงได้นำหลักฐานนี้ไปส่งที่สถานีตำรวจเพื่อติดตามเงินซึ่งเธอสงสัยพนักงานของทางโรงพยาบาลที่เธอไหว้วานให้ไปกดเงินเนื่องจากว่าระยะห่างของการกดเงินนั้นเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้นและบัตร ATM ก็อยู่กับเธอตลอดเวลาคนที่ได้ถือบัตร ATM ต่อจากเธอก็คือพนักงานคนดังกล่าว

เพราะสามีของเธอเองก็กดเงินไม่เป็นโดยเธอมีการฝากไปถึงพนักงานคนดังกล่าวผ่านสื่อว่าหากเอาเงินไปจริงก็ขอให้นำมาคืนเพราะเงินดังกล่าวเป็นเงินที่ลูกสาวของเธอส่งมาให้ใช้เพื่อไปใช้หนี้จ่ายค่านมให้หลานถ้าไม่มีเงินไปจ่ายหนี้หลานสาวของเธอก็จะไม่มีนมเอาไว้กินแล้ว

ตอนนี้พวกเธอก็เดือดร้อนเป็นอย่างมากเพราะเป็นเงินก้อนสุดท้ายที่เธอมีอยู่ซึ่งเบื้องต้นทางโรงพยาบาลต้นสังกัดของพนักงานคนดังกล่าวยังไม่ได้มีการดำเนินการใดๆกับพนักงานเนื่องจากว่ายังไม่มีหลักฐานว่าพนักงานทำผิดจริงทั้งนี้จะต้องรอให้ทางผู้เสียหายประสานงานกับทางธนาคารเพื่อขอภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งจะเห็นได้ว่าใครเป็นคนที่ไปกดเงินกำลัง 5,000 บาทและ 1,000 บาทและถ้าหากพบว่าเป็นพนักงานของโรงพยาบาลก็จะมีการดำเนินคดีความทันที

 

สนับสนุนโดย   สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ