คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวสังคมทั่วไป

ดราม่า …แม่ค้าหาดจอมเทียนปะทะลูกค้าถ้าไม่นั่งในร้านไม่ให้จอดรถหน้าร้าน

            ในโลกออนไลน์ได้มีสาวคนนึงโพสต์ข้อความลง Facebook พร้อมคลิปเป็นคลิปที่มีการทะเลาะกันระหว่างเธอกับลุงกับป้าคู่หนึ่งซึ่งเธอระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเธอมีการขับรถจากจังหวัดตากเพื่อมาเที่ยวที่เมืองพัทยาจังหวัดชลบุรี

แต่เมื่อมาถึงเธอไม่ได้ลงจากรถเนื่องจากว่าจะจอดรถรอเพื่อนของเธอก่อนซึ่งปกติแล้วเธอเคยมาเที่ยวพัทยาแล้วหลายครั้งโดยเธอก็จะจอดรถแบบนี้และไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนเลยด้วยเหตุการณ์ที่เธอเท่านั้นก็คือว่าเธอจอดรถเสร็จเรียบร้อยได้มีคนลงคนนึงเดินมาที่รถของเธอหลังจากที่เปิดกระจกรถคุยกัน

คุณลุงคนดังกล่าวก็ถามเธอเกี่ยวกับเรื่องของการจอดรถว่าจะมาจอดรถตรงนี้จะมานั่งที่ร้านของเขาหรือไม่ซึ่งเธอได้ปฏิเสธไปเพราะคิดว่าจะจอดเพียงแค่ 5-10 นาทีเท่านั้นชายคนนั้นกลับแสดงท่าทีไม่พอใจพร้อมกับเดินหายไปและผ่านไปไม่ถึง 2 นาทีก็เดินกลับมาใหม่พร้อมกับพาหญิงสาวคนนึงมาด้วย

ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นภรรยาของชายคนดังกล่าวโดยทั้งคู่ได้ออกมาต่อว่าเธอไม่ให้เธอจอดรถตรงที่เคยจอดโดยให้เหตุผลว่าเห็นหน้าร้านของพวกเขาซึ่งจะเอาไว้ให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการที่ร้านได้จอดรถหากเธอมาจากตรงนี้จะเป็นการวางหน้าร้านของพวกเขานั้นเองยังไง

ก็ตามเธอระบุว่าหลังจากที่ทะเลาะกันได้สักครู่เธอจึงได้มีการถ่ายคลิปเอาไว้ซึ่งในก่อนที่จะมีการถ่ายคลิปได้นั้นเป็นช่วงที่ทะเลาะกันหนักมากแต่หลังจากที่คนทั้งคู่นั้นเห็นว่าเธอได้ถ่ายคลิปพวกเขาก็พูดกับเธอด้วยท่าทีที่อ่อนลงอีกทั้งยังขอร้องให้เธอย้ายไปจอดรถที่อื่น

ซึ่งเมื่อเรื่องราวของหญิงสาวคนดังกล่าวถูกแชร์ออกไปและเรื่องรู้ไปถึงหูรองนายกเมืองพัทยาก็ทำให้พ่อค้าแม่ค้าทั้งคู่ถูกเรียกตัวไปคุยทันทีสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากในคลิปวีดีโอที่มีการใช้กันอยู่ในตอนนี้และทางด้านรองนายกเมืองพัทยาเองก็ได้ออกมาทำโทษพ่อค้าแม่ค้าคู่นั้นด้วยการสั่งให้หยุดขายของเป็นระยะเวลา 15 วันซึ่งทางด้านรองนายกเมืองพัทยาระบุว่าได้มีพูดคุยกับเราพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายแล้ว

ว่าไม่ให้มีการขับไล่ลูกค้าออกจากพื้นที่เพราะบริเวณที่ลูกค้ามาจอดรถนั้นเป็นพื้นที่สาธารณะลูกค้าสามารถจอดรถได้ดังนั้นนี่คือการลงโทษสถานเบาสำหรับการให้หยุดการขายของ 15 วันแต่ถ้าหากยังมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 จะถูกสั่งให้หยุดขายของถึง 3 เดือนด้วยกันและยังมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีกก็จะเป็นการให้เลิกขายของตรงบริเวณริมชายหาดพัทยาทันทีเพราะถือว่าเป็นการทำลายชื่อเสียงของชาวเมืองพัทยานั่นเอง

 

สนับสนุนโดย   gclub ฝาก ขั้นต่ำ 20

เกิดเหตุสลดเมื่อลูกชายวัย 14 ปียิงแม่และน้องสาวเสียชีวิต

เมื่อวันที่ 27 เดือนสิงหาคมปีพศ2563 ช่วงเวลาประมาณ 11.40 นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุจากพลเมืองดีว่าพบศพผู้เสียชีวิตจำนวน 3 ศพอยู่ภายในบ้านพักหลังหนึ่งซึ่งเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้นอยู่ตรงตำบลโคกหล่อเบอร์เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงก็พบศพผู้เสียชีวิตจำนวน 3 ศพด้วยกัน

ซึ่งศพแรกนั้นเป็นแม่ชื่อนางสาธิตา   และยังพบศพลูกสาววัย 14 ปีและลูกชายวัย 16 ปีเสียชีวิตซึ่งจากการดูศพแล้วตำรวจคาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วมากกว่า 12 ชั่วโมงโดยการเสียชีวิตของทั้ง 3 ศพนั้นถูกอาวุธปืนขนาดจุด 38 ยิงเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจสอบพื้นที่ไม่พบร่องรอยการงัดแงะจึงคาดว่าน่าจะเสียชีวิตจากการที่ยิงกันเองโดยผู้ที่ยิงนั้นน่าจะเป็นลูกชายวัย 16 ปีสภาพศพแล้ว

เป็นลักษณะของการนั่งยิงกรอกปากตนเองในขณะที่ 2 ศพแม่กับลูกสาวนั้นเสียชีวิตจากการถูกยิงอย่างไรก็ตามผู้ที่เจอศพคนแรกนั้นเป็นลูกน้องของนางสาธิตาเนื่องจากว่านางสาธิตานั้นเป็นผู้จัดการธนาคารแห่งหนึ่งในจังหวัดตรังและในวันดังกล่าวนี้มีการประชุมใหญ่ที่ธนาคาร

ซึ่งนางสาธิตาจะต้องเข้าร่วมประชุมด้วยแต่ปรากฏว่าเมื่อล่วงเลยเวลาการเข้าประชุมแล้วนางสาธิตาก็ยังไม่เดินทางไปทำงานดังนั้นทำให้ลูกน้องในที่ทำงานจึงพยายามติดต่อนางสาวธิตาแต่ก็ไม่มีใครสามารถติดต่อได้จึงได้มีการให้ลูกน้องคนหนึ่งเดินทางมาหานางสาธิตาที่บ้านเมื่อเรียกแล้ว

ไม่มีคนตอบรับจึงได้พยายามทำประตูรั้วเข้าไปและเมื่อเปิดประตูบ้านไปก็เจอศพของทั้ง 3 คนอยู่ในห้องนอนอย่างไรก็ตามบ้านหลังดังกล่าวนั้นมีกันอยู่แค่เพียง 3 คนเท่านั้นเนื่องจากผู้เป็นพ่อนั้นทำงานอยู่ต่างจังหวัดวันหยุดจึงจะกลับมาบ้านสักทีหนึ่งซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าสาเหตุการฆ่ากันตายในบ้านนั้น

อาจจะเกิดจากการที่เด็กชายวัย 16 ปีมีปัญหาเกี่ยวกับครอบครัวแต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นปัญหาเกี่ยวกับเรื่องอะไรซึ่งทางด้านญาติๆของครอบครัวที่เสียชีวิตนี้ไม่ได้ติดใจสาเหตุการตายว่าจะถูกฆาตกรรมแต่คิดว่าเกิดจากการที่หลานชายนั้นอาจจะเกิดความเครียดจึงได้ยิงแม่และน้องสาวส่วนชาวบ้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียงนั้น

ต่างก็บอกว่าในช่วงคืนเกิดเหตุนั้นเพื่อนบ้านต่างก็พากันได้ยินเสียงปืนดังหลายนัดแต่ก็ไม่คิดว่าจะมีเกิดเหตุยิงกันภายในบ้านหลังดังกล่าวเนื่องจากว่าบ้านหลังดังกล่าวนั้นปกติแล้วคนในครอบครัวรักใคร่กันดีและนางสาธิตาก็ไม่เคยมีปัญหากับใครมาก่อนรวมถึงลูกทั้งสองคนของนางสาธิตาก็เป็นเด็กดี

และเป็นเด็กเรียนเก่งครอบครัวนี้ไม่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการเงินดังนั้นจึงไม่มีใครสงสัยว่าจะมีการเกิดเหตุฆ่ากันตายภายในบ้านซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีการสอบสวนหาสาเหตุการตายอีกครั้งหนึ่ง

 

สนับสนุนโดย   ufabet บาคาร่า

เหตุเพราะขับรถปาดหน้ากัน

         เมื่อวันที่ 11 เดือนพฤษภาคมปีพศ 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจถนนพระราม 9 ได้รับแจ้งเหตุมีคนทะเลาะวิวาทกันบริเวณถนนพระราม 9 และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงก็ไม่พบคู่กรณีทั้งสองคนแต่อย่างใดจึงได้เดินทางกลับไปที่สถานีตำรวจแต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนโทรเข้ามาแจ้งเหตุการณ์อีกครั้งหนึ่งว่ามีคนทะเลาะชกต่อยกัน

ที่บริเวณถนนพระราม 9 จุดที่ 2 ซึ่งเมื่อเดินทางไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่พบผู้ก่อเหตุเช่นเดิมหลังจากนั้นไม่นานได้มีคนโทรเข้าไปแจ้งอีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งที่ 3 โดยระบุว่ามีคนก่อเหตุขับรถเฉี่ยวชนกันดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ

ซึ่งอยู่ตรงบริเวณแยกไฟแดงตรงบริเวณทางออกเชิงสะพานซึ่งห่างจากบริเวณแยกไฟแดงอยู่ประมาณ 300 เมตรเลยเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงพบรถเก๋งจอดอยู่ซึ่งภายในรถเก๋งมีชายหนุ่มวัย 27 ปีชื่อนายศรุตมีอาชีพเป็นสัตวแพทย์นั่งอยู่ในรถด้วยอาการตกใจใกล้กับรถเก๋งนั้นมีรถปิคอัพคันหนึ่งจอดอยู่ข้างในภายในรถพบนายยิ่งพันธ์อายุประมาณ 56 ปี

ซึ่งมีอาการถูกมีดแทงสอบสวนทราบว่า ทั้งคู่นั้นก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันตั้งแต่ตรงบริเวณทางแยกสะพานพระราม 9 แล้วโดยมีการขับรถปาดหน้ากันแล้วก็ลงมาทะเลาะกันแล้วครั้งหนึ่งหลังจากนั้นก็ขับรถปาดหน้ากันอีกซึ่งก็ลงมาทะเลาะกันอีกแต่การลงมาทะเลาะกันครั้งที่ 2 นี้ทางสัตวแพทย์หนุ่มได้มีการใช้มีดแทงไปที่นายยิ่งผ่าน

ซึ่งมีอาชีพเป็นทนายความหลังจากนั้นก็ขึ้นรถหลบหนีทำให้ทนายความนิ่งพันขับรถตามและมาเจอกันตรงบริเวณแยกไฟแดงซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยเดินทางมาถึงก็พบว่านายยิ่งพันธ์นั้นอยู่ในอาการช็อคทำกู้ภัยได้พยายามทำ CPR อยู่นานถึง 30 นาที

แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตเอาไว้ได้ในที่สุดทนายความคนดังก็เสียชีวิตภายในรถกระบะของตนเองส่วนทางสัตวแพทย์หนุ่มนั้นก็อยู่ในอาการช็อคและอยู่ในอาการทำอะไรไม่ถูกเพราะตกใจที่ตนเองนั้นแทงคนเสียชีวิต

       โดยเหตุการณ์ทะเลาะกันในครั้งนี้ได้มีพยานรู้เห็นกันเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะคนขับรถที่เป็นวินมอเตอร์ไซค์ซึ่งเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้นโดยเล่าว่าบริเวณถนนเส้นนี้มักจะมีการก่อเหตุการณ์ขับรถปาดหน้าและทะเลาะวิวาทกันเป็นประจำหรือไม่ก็อาจจะมีอุบัติเหตุรถชนหรือคนกระโดดฆ่าตัวตายซึ่งถือว่าเป็นถนนที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก

 

สนับสนุนโดย   ทางเข้า ufabet ภาษาไทย

หนูน้อยบ้านจน ถูกเพื่อนไล่ไม่ให้นั่งด้วย เพราะรังเกียจ

           มีเรื่องเล่าทางสังคมที่ควรคิดอยู่ในขณะนี้ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งได้มีการโพสต์ Facebook บอกเล่าเรื่องราวที่เขาเพิ่งไปเจอมาในร้านอาหารข้างทางของในหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งเรื่องราวนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับเด็กที่มีอายุเพียงน้อยนิดเท่านั้น

แต่กลับพบว่าเด็กๆกลับมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมมีลักษณะของการแบ่งชนชั้นวรรณะซึ่งสิ่งที่ชายหนุ่มคนนี้ได้โพสต์นั่นก็คือเขาเรียกออกไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่งในหมู่บ้านซึ่งในจังหวัดนั้นเขาเห็นเด็กๆประมาณ 3-4 คนกำลังพากันเดินมานี้ร้านขายก๋วยเตี๋ยว

ซึ่งเด็กๆก็มีการสั่งแม่ค้าให้ทำก๋วยเตี๋ยวมาให้แต่มีเด็กชายคนหนึ่งซึ่งดูจะแตกต่างจากเด็กคนอื่นงั้นเขาว่าเขาดูมีลักษณะของการแต่งกายที่เหมาะสมนำกว่าเด็กคนอื่นและที่สำคัญเขาไม่สั่งก๋วยเตี๋ยวเหมือนกับเด็กคนอื่นสั่งเลยเขาเดินมาส่งเพื่อนที่ร้านก๋วยเตี๋ยวหลังจากนั้นก็บอกลาเพื่อนเพื่อจะกลับบ้าน

ซึ่งชายหนุ่มที่โพสต์ Facebook เล่าว่าเขาเคยเห็นเด็กคนนี้มาหลายครั้งโดยจะมาวิ่งเล่นกับเพื่อนๆกลุ่มนี้ผิวเป็นประจำแต่ทุกครั้งที่มาเขามักจะสังเกตเห็นว่าเด็กผู้ชายคนนี้มักจะถูกเพื่อนๆใช้ให้ทำนู่นทำนี่เหมือนมาเป็นลูกน้องมาขออาศัยเล่นกับเขาซะมากกว่า

ซึ่งเขาได้มองเด็กดูแล้วเด็กน่าจะอยากกินก๋วยเตี๋ยวแต่อาจจะไม่มีเงินติดตัวมาด้วยความสงสารเขาจึงเรียกเด็กมาหาจะให้ไปสั่งก๋วยเตี๋ยวเดี๋ยวเขาจะออกเงินให้เด็กดูมีท่าทางดีใจวิ่งไปสั่งก๋วยเตี๋ยวและมานั่งร่วมโต๊ะกับเพื่อนบังจะนั่งกินก๋วยเตี๋ยวร่วมกับเพื่อนๆแต่กลับถูกเด็กผู้ชายในกลุ่มนั้นไล่ให้ไปนั่งที่อื่นอีกทั้งยังถามเพื่อนว่ามีเงินจ่ายหรอถึงไม่สั่งก๋วยเตี๋ยวมากินเมื่อเขาได้ยิน

ดังนั้นเขาจึงได้ตอบเด็กกลับไปว่ามีจ่ายเดี๋ยวน้าจะเป็นคนจ่ายให้เพื่อนเองทั้งเขายังได้ถามเด็กกลุ่มนั้นได้ว่าเพื่อนจนแล้วรังเกียจเพื่อนหรอซึ่งสิ่งที่เด็กตอบกลับมาทำให้เขารู้สึกซึ่งเป็นอย่างมากนั่นก็คือรังเกียจเด็กเรานี้มีการแบ่งชนชั้นวรรณะอย่างชัดเจนว่าถ้าหากจนพวกเขาจะไม่ยอมคบด้วยถึงผู้ชายคนนี้ต้องกลับมาที่บ้านแล้ว

มาอบรมสั่งสอนลูกตนเองเขาไม่อยากให้ลูกกลายเป็นเด็กที่มีการแบ่งชนชั้นวรรณะโดยมีการให้ลูกส่วนเด็กผู้ชายคนนั้นเล่นหากเจอเด็กคนนั้นที่ไหนก็ตามเพราะคนทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเป็นคนเหมือนกันหมดดังนั้นไม่ควรจะแบ่งกันที่ฐานะความมั่งมีหรือความจำสิ่งที่เขาได้นำมาโพสต์นั้น

เขาได้มีการระบุว่าไม่ได้มีการให้ใครอยากที่จะออกมาต่อว่าเด็กว่าเขาเชื่อว่าเด็กนั้นน่าจะมีความคิดแบบนี้มาจากพฤติกรรมการลอกเลียนแบบอาจจะดูมาจากทางทีวีหรืออ่านจากการที่ผู้ปกครองไม่ได้มีเวลาอบรมสั่งสอนลูกดังนั้นเขาจึงอยากที่จะ Facebook นี้เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับใครหลายๆคนที่มีลูกว่าควรจะมีการใส่ใจโลกและมีการหาเวลาสั่งสอน  ให้ลูก และไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ

 

สนับสนุนโดย    ทางเข้า UFABET ภาษาไทย

ใช้ปืนยินกรอกปากเมียดับ ตายทั้งกลม

  

ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านไม่พอใจที่เมียบ่นเรื่องกินเหล้า ใช้ปืนยินกรอกปากเมียดับ ตายทั้งกลม

              เกิดเหตุสลดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 เดือนสิงหาคมปีพศ2563 ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดเพชรบุรีเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งเหตุว่ามีคนฆ่าตัวตายภายในบ้านพักซึ่งคนที่โทรแจ้งตำรวจนั้นก็คือสามีของเธอเองโดยหญิงสาวที่ฆ่าตัวตายนั้นชื่อว่านางสาวรุ่งทิพย์ส่วนสามีของเธอนั้นเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านชื่อว่านายชัยราชวัตร

ซึ่งเขาได้ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าช่วงที่เกิดเหตุนั้นเขาและภรรยาได้ทะเลาะกันและภรรยาน้อยใจจึงได้ใช้อาวุธปืนยิงกรอกปากตนเองเสียชีวิตอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ปักใจเชื่อจึงได้นำศพของผู้เสียชีวิตนั้นส่งตรวจชันสูตรอีกครั้งหนึ่งที่โรงพยาบาล

และผลปรากฏออกมาว่าลักษณะของวิถีกระสุนของปืนนั้นไม่น่าจะเกิดจากการยิงตัวเองตายซึ่งในที่เกิดเหตุนั้นทั้งด้านนาย ชัยราชวัตรซึ่งเป็นสามีของผู้เสียชีวิตนั้นยืนยันว่าอยู่ด้วยกันแค่เพียง 2 คนเท่านั้นไม่มีพยานคนอื่นจึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความเชื่อได้ว่าผู้ที่ลงมือก่อเหตุฆ่านางสาวรุ่งทิพย์จนเสียชีวิตนั้นคือนายชัยราชวัตร

ซึ่งเป็นสามีเองโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นได้ควบคุมตัวมาทำการสอบสวนและหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับเขม่าดินปืนที่อาจจะติดตามร่างกายของนายชัยราชวัตรอย่างไรก็ตามในที่สุดแล้ว นาย ชัยราชวัตรก็ยอมรับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในที่สุดว่าเขาเป็นผู้ลงมือสังหารภรรยาของเขาเอง 

โดยสาเหตุที่ฆ่าภรรยาของเขานั้นเนื่องจากว่าภรรยาของเขานั้นบอกว่าเขาเกี่ยวกับเรื่องที่เขานั้นชอบไปกินเหล้ากับเพื่อนทำให้เขาเกิดความรู้สึกโมโหและขาดสติชั่วคราวจึงได้ใช้อาวุธปืนสังหารภรรยาจนถึงแก่ความตาย

              อย่างไรก็ตามทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการส่งเรื่องดำเนินคดีกับนายชัยราชวัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้วในข้อหาฆ่าคนตายซึ่งภรรยาของนายชัยราชวัตรนั้นกำลังท้องแก่ใกล้คลอดโดยทางญาติของผู้ตายนั้นบอกว่าอีกเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้นผู้ตายก็จะคลอดลูกแล้วเหตุการณ์ในครั้งนี้สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับญาติของผู้เสียชีวิตเป็นอย่างมาก

           สำหรับข่าวล่าสุดยืนยันออกมาว่าครอบครัวของนายชัยราชวัตรได้มีการนำเงินจำนวน สี่แสน บาทมาทำเรื่องขอประกันตัวนายชัยราชวัตรออกจากห้องคุมขังเป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งทางด้านญาติของผู้เสียชีวิตเองก็เกิดความกลัวว่าเมื่อนายชัยราชวัตรออกมาจากห้องคุมขังได้จะมาทำร้ายครอบครัวของผู้เสียชีวิตจึงได้ปรึกษาเจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งเจ้าหน้าที่ไปคอยดูแลบรรดาญาติพี่น้อง และพ่อแม่ของผู้เสียชีวิตจนกว่าจะสิ้นสุดคดีความ 

 

ขอบคุณ  www.ufabet.com ช่องทางเข้าเว็ปพนัน   ที่ให้การสนับสนุน

ถ้าไม่จ่ายเงินทำบุญไม่ให้เอาศพมาเผาที่วัด

 

ชาวบ้านถูกกดดันถ้าไม่จ่ายเงินทำบุญ 1,000 บาทไม่ให้เอาศพมาเผาที่วัด

           ปกติแล้วเวลาทำบุญทำทานที่วัดหรือแม้แต่ที่ไหนก็ตามแต่  เงื่อนไขของการทำบุญนั่นก็คือผู้ที่ต้องการทำบุญจะทำบุญด้วยความต้องการของตนเอง  ใครมีงบมากก็ทำบุญมากแต่ใครมีงบน้อยก็ทำบุญน้อยหรือแม้แต่ใครที่ไม่มีงบเลยแต่อยากทำบุญก็สามารถเป็นอาสาช่วยเหลืองานบุญต่างๆภายในวัดได้

         แต่ในยุคปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงการทำบุญเหมือนกับการทำธุรกิจของวัด   โดยวัดแต่ละวัดแทบจะแข่งขันกันในการหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือสิ่งที่จะนำมาดึงดูดให้คนมาทำบุญที่วัดเพื่อให้วัดนั้นมีรายได้รวมถึงบางวัดจะมีการทำการปลุกเสกเครื่องรางของขลังแล้วให้ลูกศิษย์ลูกหามาเช่ามาซื้อ

เพื่อที่เงินในการขายเครื่องรางของขลังจะถูกนำมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในวัด  ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าในยุคปัจจุบันนั้นหากไม่มีเงินก็แทบจะไม่สามารถทำบุญที่วัดได้เลยรอที่วัดส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องของการทำบุญด้วยเงินเพียงเท่านั้น

       อย่างเช่นหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่จังหวัดตราด   รูปบ้านภายในหมู่บ้านดังกล่าวก็ได้รับเอกสารส่งมาจากทางผู้ใหญ่บ้านรวมถึงยังมีการประกาศออกเสียงตามสายอีกด้วย   โดยหมู่บ้านนี้อยู่ในตำบลแหลมกลัดอำเภอเมือง  เอกสารที่ผู้ใหญ่บ้านส่งให้กับลูกบ้านรวมถึงมีการประกาศเสียงตามสายนั้นก็คือการที่สั่งให้ลูกบ้านนั้นช่วยกันระดมทุนทำบุญโดยมีการกำหนดยอดที่จะต้องทำบุญสำหรับบ้านแต่ละหลังด้วยจำนวนเงิน 1,000 บาท 

ส่วนเงินที่ต้องมีการระดมทุนกันในครั้งนี้ก็เพราะว่าทางวัดจะมีการสร้างศาลาการเปรียญ   แต่ยังขาดเงินทุนในการสร้างอีกเป็นจำนวนมากดังนั้นผู้ใหญ่บ้านซึ่งมีความคิดที่จะมีการทำบุญโดยออกหนังสือเรียกอะไรเงินให้ชาวบ้านมาช่วยกันทำบุญ

      แต่สิ่งที่น่าตกใจและไม่น่าจะเกิดขึ้นสำหรับการทำบุญในครั้งนี้ก็คือผู้ใหญ่บ้านได้มีการประกาศเสียงตามสายพร้อมทั้งออกเป็นเอกสารส่งไปให้ลูกบ้านทุกหลังว่าถ้าหากใครก็ตามบ้านไหนที่ไม่ยอมทำบุญ 1,000 บาทตามที่ส่งเอกสารเชิญชวนให้ไปทำบุญบ้านหลังดังกล่าวก็ไม่จำเป็นที่จะต้องนำศพมาเผาที่วัด   หรือที่พูดกันในภาษาชาวบ้านก็คือวัดที่รับเผาศพสำหรับบ้านที่ไม่ยอมทำบุญ 1,000 บาทในการทำศาลาการเปรียญนี่เอง

        สำหรับวัดดังกล่าวที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ชื่อว่าวัดสะพานหิน   ซึ่งเรื่องนี้เมื่อมีข่าวออกมาในโลกออนไลน์ก็ทำให้หลายคนนั้นสงสัยพฤติกรรมของผู้ใหญ่บ้านเป็นอย่างมากว่าการทำบุญจำเป็นที่จะต้องบังคับกันด้วยหรือ   และจริงๆแล้วการทำบุญมาก

หรือน้อยขึ้นอยู่กับความศรัทธาของแต่ละบุคคลหรือขึ้นอยู่กับฐานะของแต่ละครอบครัวเพราะในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ผู้คนขาดแคลนเงินเพื่อจะเอาไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมากพออยู่แล้วบ้านวังหลังตกงาน  ดังนั้นเงินเป็นเงิน 1,000 บาทของบ้านแต่ละหลังนั้นจึงมีความสำคัญมากน้อยแตกต่างกันและการทำบุญไม่สมควรที่จะมาบังคับกันแบบนี้

 

สนับสนุนโดย   gclub slot เล่นผ่านเว็บ

โอ๊ต ปราโมทย์ เขินจนหน้าแดง

ในตอนนี้เรานั้นจะเห็นว่าพี่ โอ๊ต  หุ่นหมีของเรานั้นเกิดอาการที่ต้องเขินจนหน้าแดงอย่างมากในตอนนั้นเป็นที่เรารู้กันอยู่ว่าเมื่อเขานั้นมีอาการอย่างนี้นั้นเป็นการที่เขานั้นเก็บอาการที่เขินและก็ต้องชื่นชอบกับสาวคนนั้นเป็นอย่างพิเศษ นั่นเองซึ่งเป็นไปได้นั้นก็คือน้อง ก้อย อรัชพร  ที่ทำให้พี่โอ๊ต ของเรานั้นเขินจนเก็บอาการนั้นไม่อยู่เพราะว่าด้วยเรื่องอะไรนั่นเอง

     เพราะว่าวันที่ 20 เดือนกรกฎาที่ผ่านมานั้นเจ้าตัวโอ๊ต ปราโมทย์นั้นได้ถ่ายรายการหนึ่งแล้วเป็นช่วงที่น้องก้อง อรัชพร นั้นได้โทรเข้ามาในรายการ โดยที่รายการนั้นเป็นรายการที่หนุ่ม โอ๊ตนั้นเป็นดีเจจัดรายการอยู่นั่นเอง  พร้อมกับมีเพื่อนสนิต อย่างดีเจ อาร์ต มารุต  และว่าน ธนกฤต ที่ในตอนนนั้นก็ต้องเกิดเป็นการแซวกัน เพราะว่าในระหว่างที่แซวนั้นจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหนุ่มโอ๊ตนั้นเกิดอาการหน้าแดงอย่างที่เรานั้นเห็นได้ชัดนั่นเอง จากนั้นเพื่อนก็มีการแซวจนหนุ่มโอ๊ตนั้นไปไม่เป็นพร้อมกับหยอดคำหวานๆให้กับสาวก้อยนั้นด้วย  

      เพราะว่าในตอนนี้เป็นที่เรานั้นจะเห็นได้ว่ามีการติดแฮดแทรกว่า โอ๊ตก้อยนั้นจนกลายมาเป็นติดอันดับที่หนึ่งของประประเทศเพื่อที่จะอยากให้ให้เป็นคู่จิ้นนั่นเองเพราะว่าเมื่อเรานั้นได้เห็นพี่โอ๊ตนั้นเกิดอาการที่อายอย่างที่เรานั้นเห็นได้ชัดนั่นเอง เพราะว่าพี่โอ๊ตนั้นเกิดอาการชอบน้องก้อยเป็นเรื่องส่วนตัว เพราะว่าพีโอ๊ตนั้นได้บอกว่าน้องเขานั้นเป็นคนที่หน้ารักคนหนึ่งนั่นเอง  

    แต่เมื่อเรานั้นได้เห็นในรายการที่หนุ่มโอ๊ตนั้นได้ยินเสียงน้องก้อยนั้นทำให้เรานั้นรู้ว่าหนุ่มโอ๊ตนั้นเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่จริงๆ นั่นเอง เพราะว่าเจ้าตัวนั้นเกิดแสดงอาการอย่างที่ทำให้เรานั้นรู้เลยว่าชอบอย่างหนักนั่นเอง พร้อมกับการหยอดมุกต่างๆนั่นเองไม่ว่าจะเป็นเรื่องแซวกันว่า

(ตอนนี้มีนิ้วโป้งอยู่ข้างแล้ว แต่ว่าอยากมีก้อยนั้นอยู่ข้างกาย  ) พร้อมกับเขินหนักเข้าไปอีก พอถึงเวลาในการที่จะตอบคำถามนั้นเป็นคำถามที่โอ๊ตนั้นยื่นข้อเสนอไปว่าถ้าตอบถูกในครั้งนี้เอาหัวใจพี่โอ๊ตนั้นไปเลย ทำให้เขินอย่างเห็นได้เห็นชัดนั่นเอง  

    ในวันนี้เจ้าตัวของโอ๊ตนั้นเกิดอาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่และก็แสดงอาการที่เขินจนเรานั้นเห็นได้ว่าพี่เขานั้นทำรายการนั้นยิ้มไปเขินไปจนหน้าแดงอย่างที่เรานั้นเห็นในคลิปนั่นเอง  แต่ไม่ว่าอย่างไรนั้นเรานั้นก็ต้องคอยดูและคอยติดตามกันต่อไปนั่นเองว่าพี่โอ๊ตนั้นจะสมหวังหรือเปล่านั่นเอง  

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย   เว็บพนันออนไลน์ ฟรีเครดิต

ทำสุวรรณภูมิวุ่น

 

คนไทยกลับมาจากต่างประเทศปฎิเสธการกักตัว ทำสุวรรณภูมิวุ่น ซ้ำยังมีคนไข้สูงหนีการกักตัว 3 คน

           มีรายงานสถานการณ์ข่าวมาจากทางสนามบินสุวรรณภูมิว่า เมื่อวันที่ 3 เดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2563 มีคนไทยเดินทางมาจากประเทศที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเป็นจำนวนมากถึง 100 กว่าคน และมีอยู่จำนวน 3 คนที่ทางเจ้าหน้าที่ทำการตรวจวัดไข้แล้วพบว่ามีไข้ขึ้นสูง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของสนามบินสุวรรณภูมิ

และของกระทรวงสาธารณะสุขได้มีการประกาศกับผู้โดยสารจำนวนร้อยกว่าคนว่าจะมีการนำไปกักตตัวเอาไว้ก่อนเป็นระยะเวลา 14 วัน โดยมีการเตรียมสถานที่ สำหรับเอาไว้กักตัวผู้โดยสารเอาไว้แล้วแต่ทางผู้โดยสารไม่ยินยอมพร้อมทั้งทั้งโวยวายเสียงดังใส่เจ้าหน้าที่ ซึ่งมีการเจรจากันนานถึง 4 ชั่วโมง

แต่ไม่ได้ข้อยุติ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่แจ้งว่าผู้โดยสารมีการโต้เถียงและไม่ยินยอมที่จะเดินทางไปกับเจ้าหน้าที่โดยอ้างว่าไม่มีการแจ้งล่วงหน้าเอาไว้ก่อนซึ่งในระหว่างที่มีการพูดคุยกันอยู่นั้นก็มีผู้โดยสารบางส่วนได้เดินออกไปจากสนามบินเลยและมีงานรายงานข่าวเข้ามาที่สนามบินว่าหนึ่งในจำนวนผู้ที่เดินทางออกจากสนามบินนั้นมีผู้โดยสารอยู่ประมาณเกือบ 3 คนที่วัดไข้แล้วมีไข้ขึ้นสูง

โดยทั้ง 3 คนนั้นอาศัยช่วงที่กำลังมีการเจรจาพูดคุยกันหลบเลี่ยงเดินออกจากสนามบินไป ซึ่งระหว่างนั้นก็ยังมีการเจรจากับกลุ่มคนที่เหลืออยู่ที่สนามบินโดยมีการเจรจากันนานอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงจึงได้ข้อยุติว่าจะมีการปล่อยตัวให้ผู้โดยสารทุกคนกลับไปกักตัวเองที่บ้านเป็นระยะเวลา 14 วัน  พร้อมทั้งจะมีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุข

เดินทางไปหาเพื่อทำการตรวจสอบว่ามีการกักตัวจริงหรือไม่ซึ่งในระหว่างนั้นเองเจ้าหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขก็พยายามปฏิเสธไม่ให้ผู้โดยสารเดินทางกลับบ้านแต่ยังไงก็ไม่เป็นผลจนในที่สุดโดยสารทั้งหมด 100 กว่าคนก็เดินทางกลับบ้านได้ในที่สุด

          เมื่อมีข่าวแบบนี้ออกมาหลายคนก็ออกมาเอาว่ากลุ่มผู้โดยสารที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อส่วนรวมที่ไม่ยอมปรับตัวทั้งที่ตัวเองมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงจึงได้มีผู้โดยสารหนึ่งในร้อยกว่าคนนั้นได้ออกมาโพสต์ข้อความบน Facebook

บอกเล่าเรื่องราวทางฝั่งของตนเองว่าที่จริงเราทุกคนยินยอมที่จะมีการกักตัวตามเงื่อนไขที่ทางรัฐบาลมีการประกาศออกมาอยู่แล้วแต่เนื่องจากบุคคลเมื่อเดินทางมาถึงที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้วกลับไม่ได้รับการดูแลหรือชี้แจงใดๆปล่อยให้รอเป็นระยะเวลาหลายชั่วโมง

ซึ่งบางคนเดินทางมาถึงสุวรรณภูมิตั้งแต่ 06:00 น. แต่กว่าเจ้าหน้าที่จะอธิบายขั้นตอนต่างๆก็เป็นระยะเวลาเกือบสองทุ่มแล้วและยังบอกอีกด้วยว่าจะให้ทุกคนขึ้นรถเพื่อไปทำการตรวจหาเชื้อและพอขึ้นไปบนรถจริงๆเจ้าหน้าที่กลับบอกว่าจะพาไปกักตัวที่ชลบุรีจึงทำให้ทุกคนโวยวายและไม่มียอมไปกักตัวที่ชลบุรี และมีการโต้เถียงกันตามที่เป็นข่าว  

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  คาสิโนออนไลน์ได้เงินจริง

บริหารจัดการ รับมือโควิด-19 เป็นอย่างดี

ผู้ว่าจังหวัดลำปาง บริหารจัดการ รับมือโควิด-19 เป็นอย่างดี ยอดคนติดเชื้อยังเป็นศูนย์ 

    ถือว่าหลายคนคงยังจำกันได้กับผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางที่ครั้งหนึ่งเคยมีการลงเข้าไปสั่งการเกี่ยวกับการช่วยเหลือทีมหมูป่าติดอยู่ในถ้ำหลวงเขานางนอนซึ่งล่าสุดนี้ก็แสดงฝีมือให้เห็นแล้วว่าท่านมีความสามารถในการบริหารการจัดการจังหวัดของท่านมากแค่ไหนซึ่งในขณะนี้จังหวัดลำปางคือ 1 ในจังหวัดที่ไม่มียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19  เลย

นั่นก็พอการจัดการและหาข้อมูลล่วงหน้าของท่านที่มีการเตรียมการเอาไว้โดยมี Facebook รายหนึ่งได้มีการโพสต์การลงพื้นที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางแล้วนำมาแชร์บนโลกโซเชียลพร้อมกับพากันชื่นชมการทำงานของท่านที่ไม่ว่าจะเรื่องไหนท่านก็จะลงไปดูด้วยตนเอง

ทุกเรื่องทั้งเรื่องการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19รวมถึงการที่ไฟไหม้ ป่ามันก็ลงพื้นที่สั่งการด้วยตนเองทุกครั้งและทุกปัญหาก็ประสบความสำเร็จโดยครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันฟังข่าวได้ไปสัมภาษณ์ท่านเกี่ยวกับขั้นตอนการดูแลจังหวัดอย่างไรให้ปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโควิด-19เพราะตอนนี้จังหวัดลำปางไม่มีใครที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19ซึ่งตัวเองก็ได้ออกมาบอกว่าท่านหาข้อมูลการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19มาตั้งแต่ก่อนที่ประเทศไทย

จะมีการติดเชื้อแล้วโดยท่านศึกษาข้อมูลเมื่อเห็นว่าประเทศจีนมียอดผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากนะเกรงว่าจะดังกล่าวจะลุกลามมายังประเทศไทยจึงได้มีการเรียกข้าราชการทุกหน่วยงานของจังหวัดลำปางมาประชุมปรึกษาหารือกันว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในประเทศไทย

หรือในจังหวัดของท่านแล้วจะมีการช่วยเหลือจัดการเป็นอย่างไรบ้างซึ่งทุกฝ่ายก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและพากันไปศึกษาข้อมูลโดยในขณะนี้ทั้งจังหวัดลำปางมีการเตรียมความพร้อมเอาไว้แล้วว่าหากประชาชนของคนจังหวัดลำปางมีการติดเชื้อก็สามารถที่จะมีการดูแลได้เบื้องต้นได้เตรียมเครื่องช่วยหายใจเอาไว้แล้ว 40 เครื่องแต่ก็เตรียมที่จะหาเพิ่มให้ได้มากที่สุดหรืออย่างน้อยก็ 30 เครื่องรวมถึงถ้ามีการเตรียมชุด

สำหรับใส่ไม่ให้เชื้อโรคเข้าร่างกายซึ่งตอนนี้มีบางส่วนแล้วแต่ก็ยังพยายามหาซื้อเพิ่มเลยคาดว่าจะหาซื้อให้ได้ถึง 300 ชุดด้วยกันโดยท่านอยากจะให้ชุดพวกนี้กับแพทย์และพยาบาลที่ต้องดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าอีกทั้งยังมีการเตรียมความพร้อมในเรื่องของเตียงสำหรับผู้ป่วยที่จะรักษาในโรงพยาบาลต่างๆในจังหวัดลำปาง

ซึ่งสำหรับห้องที่จะเอาไว้รักษาผู้ป่วยในจังหวัดลำปางนั้นในตอนนี้เตรียมไว้ 1 ห้องและก็มีการทำข้อมูลสำรองไว้ว่าถ้าหากมีจำนวนคนติดเชื้อมากก็จะมีการจัดเตรียมห้อง ICU ที่มีอยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆมาเปิดเป็นห้องรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่าแทนซึ่งก็สามารถบรรจุผู้ป่วยให้เข้าไปพักรักษาตัวอยู่ในนั้นได้มากสุดถึง 60 คนด้วยกัน

แต่ถ้าหากยังไม่พอก็ยังมีห้องสำรองที่สามารถที่จะมาปรับเปลี่ยนให้มาเป็นห้องที่สามารถบรรจุเตียงผู้ป่วยได้ถึง 400 เตียงด้วยกันดังนั้นทั้งจังหวัดลำปางจึงมั่นใจในเรื่องของการดูแลผู้ป่วยหากมีใครติดเชื้อไวรัสโคโรน่าก็สามารถจะรับมือได้อย่างแน่นอน 

 

 

สนับสนุนโดย  ufabet

Grab Bike ถูกลูกค้ากลั่นแกล้งหลอกให้สั่งซื้ออาหาร

          เหตุการณ์เกิดขึ้นที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งอยู่ในซอยสมเด็จพระเจ้าตากสิน 44 เหตุการณ์ในครั้งนี้ทาง Grab Bike ได้มีการออกมาเผยแพร่เรื่องราวว่าตนเองถูกลูกค้าหลอกให้ไปซื้อสินค้ามาส่งโดยมีพนักงานของจะไปถูกลูกค้าคนดังกล่าวออกมาถึง 2 คนด้วยกันซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้น

ก็คือมีลูกค้าคนหนึ่งใช้ชื่อว่าคุณดวงได้มีการโทรสั่งให้ทางแก๊ปไบค์ไปซื้อของมาให้ และเมื่อซื้อของเสร็จแล้วเอามาส่งให้คนชื่อดวงตามจุดนัดกับพบว่าไม่เจอก็มีการติดต่อกลับไปลูกค้าที่ชื่อดวงก็บอกว่าอยู่บนห้องให้พนักงานเอาขึ้นไปส่งที่ห้องด้วยแต่เมื่อพนักงานขึ้นไปถึงห้องตามที่ลูกค้าแจ้งเจ้าของห้องที่เปิดประตูออกมาเจอกับพนักงานนั้น

กลับบอกว่าที่ห้องดังกล่าวไม่มีลูกค้าคนไหนที่ชื่อดวงและไม่เคยสั่งของจากแก๊ปไบค์มาก่อน ซึ่งตัวของพนักงานเองก็ได้มีการติดต่อกลับไปที่ลูกค้าที่ชื่อดวงว่ามาห้องตามที่บอกไว้แล้วแต่ไม่เจอโดยลูกค้าคนดังกล่าวก็บอกว่าตนเองไปนั่งกินเหล้ากับเพื่อนอยู่อีกที่หนึ่งแล้วบอกสถานที่ให้ไป

ส่งและเมื่อพนักงานนำของไปติดต่อตรงจุดที่ลูกค้าที่ชื่อดวงบอกก็กลับไม่พบว่ามีคนชื่อดวงนั่งอยู่ในวงเหล้านั้นและเมื่อพนักงานติดต่อไปหาลูกค้าคนชื่อดวงอีกครั้งหนึ่งก็ถูกลูกค้าต่อว่าด่าทอรวมถึงปฏิเสธที่จะไม่รับของที่พนักงานนำมาส่งโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ใช่เกิดขึ้น

แค่ครั้งเดียวแต่มีพนักงาน Grab Bike หลายคนที่ถูกลูกค้าที่ชื่อดวงหลอกให้ซื้อสินค้ามาแล้วก็ปฏิเสธไม่รับสินค้าซึ่งหากเจอเหตุการณ์เช่นนี้คนที่รับผิดชอบเรื่องของค่าใช้จ่ายในการซื้อของมานั้นก็จะเป็นพนักงาน Grab Bike เองเพราะพนักงานจะต้องนำเงินของตนเองซื้อสินค้ามาให้กับลูกค้าก่อน

หลังจากนั้นถึงจะสามารถมาเก็บเงินที่ลูกค้าได้แต่เนื่องจากมีคนที่อาศัยอยู่อพาร์ทเม้นท์ดังกล่าวเห็นว่าพนักงานแก็ปไบค์ถูกกลั่นแกล้งจึงสงสารจึงพากันช่วยเหลือด้วยการซื้ออาหารที่พนักงาน grabbike นำมาส่งลูกค้าแล้วไม่เจอตัวทำให้พนักงานคนนี้ไม่ต้องควักเงินส่วนตัวของตนเองไป

แต่ก็ถือว่าการกระทำแบบนี้สร้างความเดือดร้อนให้กับพนักงานกลับไปเป็นอย่างมากเพราะถ้าหากไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือสั่งซื้อของแทนก็จะต้องเป็นพนักงาน grabbikeเองที่จะต้อง เป็นคนจ่ายเงิน ซึ่งหลายคนก็มองว่าคนที่ชื่อดวงนี้ไม่ได้ตั้งใจที่จะต้องการสั่งสินค้าจริงๆ

แต่ต้องการที่จะแกล้งพนักงานมากกว่าหลายคนจึงแนะนำให้พนักงานคนดังกล่าวนำหลักฐานข้อความนี้ไปติดต่อให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีเพราะสามารถตรวจสอบได้ว่าเบอร์โทรศัพท์ที่มีการติดต่อมานั้นเป็นเบอร์ของใครจะได้ทำเป็นกรณีตัวอย่างให้คนที่คิดจะกลั่นแกล้งพนักงานก็ได้รู้ว่าหากทำแบบนี้เกิดขึ้นจะมีความผิดสามารถถูกตำรวจจับกุมได้

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย   จีคลับ ผ่านมือถือ