คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวสังคมทั่วไป

จับโจ๋แสบที่หลอกให้น้องเจมส์ โอนเงิน จนต้องฆ่าตัวตายได้แล้ว

          จากกรณีที่มีข่าวเด็กชายวัย 18 ปีที่ชื่อน้องเจมส์   เป็นชาวจังหวัดตรังได้ฆ่าตัวตายด้วยการโดดลงไปในอ่างเก็บน้ำโครงการแก้มลิงชลประทานเมื่อวันที่ 19 เดือนเมษายน  ปี พ.ศ 2564 ที่ผ่านมานั้นปรากฏว่า  นักข่าวช่องอมรินทร์ ได้ติดตามข่าวเรื่องนี้เนื่องจากว่าสงสารครอบครัวของน้องเจนที่เสียชีวิตจึงได้มีการขอหมายเลขโทรศัพท์และข้อมูลในไลน์เพื่อทำการใช้พูดคุยกับหญิงสาวที่มีการติดต่อกับน้องเจมส์

          นักข่าวสามารถ Video Call ไปพูดคุยกับปลายทางได้ซึ่งคนที่รับสายนั้นกลับไม่ใช่ผู้หญิงแต่เป็นผู้ชายโดยบอกว่าตนเองนั้นชื่อต้นอายุ 17 ปีและเป็นคนรู้จักกับหญิงสาวที่คุยกับน้องเจมส์  โดยนายต้นได้เล่าว่าน้องเจนกับหญิงสาวคนดังกล่าวนั้นรู้จักกันผ่านทางเกม rov โดยมีการพูดคุยกันมาประมาณ 4-5 เดือนโดยหญิงสาวคนดังกล่าวนั้นชื่อว่าน้ำ   ซึ่งในตอนแรกนั้นนายต้นบอกว่าน้ำเป็นแค่เพียงคนรู้จักแต่พอคุยไปคุยมาจนนักข่าวซักมากๆก็บอกว่าน้ำนั้นเป็นพี่สาวของตนเอง

           อย่างไรก็ตามหลังจากที่มีการพูดคุยกับนักข่าวสักระยะหนึ่งในที่สุดในต้นก็รับสารภาพว่าแท้ที่จริงแล้วคนที่ชื่อน้ำนั้นไม่มีตัวตนแต่เป็นในต้นที่ปลอมแปลงเป็นคนชื่อน้ำและทำทีเข้าไปตีสนิทน้องเจมส์หลังจากนั้นก็หลอกให้น้องเจมส์โอนเงินมาให้

ซึ่งได้มีการหลอกให้น้องเจนโอนมาให้โดยบอกว่าตนเองนั้นทำงานและทำข้าวของของบริษัทเสียหายจำเป็นต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับทางบริษัทต้องการให้น้องเจมส์ช่วยเหลือซึ่งน้องเจมส์ก็มีการโอนเงินช่วยเหลือมาให้โดยตลอดโดยน้องเจมส์ได้มีการทวงถามเงินที่ขอยืมมาและต้นเองนั้นไม่มีให้เพราะที่จริงแล้วเงินที่น้องเจมส์โอนมาให้นั้นในต้นนำไปใช้เล่นเกมหมดแล้ว

       โดยนายต้นยืนยันว่าสิ่งที่ทำไปกับน้องเจนนั้นไม่ได้ตั้งใจแล้วตัวเขาเองก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากหลังจากที่รู้ข่าวว่าน้องเจมส์นั้นฆ่าตัวตาย   ในต้นยังบอกอีกด้วยว่าหลังจากที่รู้ข่าวแล้วอยากจะไปขอโทษและไปขอขมาศพน้องเจมส์แต่ก็ไม่สามารถเดินทางได้เนื่องจากว่าครอบครัวอยู่ไกลจากบ้านของน้องเจนมากนักทั้งนี้ในต้นบอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น

เขาจะนำมาเป็นบทเรียนสำหรับชีวิตของเขาและเขายืนยันว่านับแต่นี้ไปเขาจะไม่หลอกคนอื่นอีกอย่างแน่นอนส่วนเงินที่ยืมน้องเจนมานั้นทางในต้นยืนยันว่าจะพยายามทยอยหาเงินใช้หนี้คืนครอบครัวของน้องเจนอย่างแน่นอน

      

สนับสนุนโดย.    gclub

Copper Buffet ประกาศปิดร้านชั่วคราว 7 วันหลังมีคนป่วย covid-19 มาใช้บริการ

           กำลังเป็นเรื่องที่ชวนปวดหัวมากเลยทีเดียวเมื่อในขณะนี้มีไทม์ไลน์ของผู้ที่ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิช- มีการระบุว่าตนเองนั้นเดินทางไปสถานที่ต่างๆที่ไหนมาบ้างซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นพวกร้านอาหารและร้านค้ารวมถึงสถานบันเทิงและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆทำให้สถานที่ต่างๆเหล่านั้นได้รับความเดือดร้อน

          เนื่องจากว่าจะต้องมีการปิดร้านเพื่อทำการทำความสะอาดและฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อรวมถึงต้องให้พนักงานที่ทำงานปฏิบัติงานภายในร้านในวันที่ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัส covid-19 ไปใช้บริการนั้นไปทำการตรวจหาเชื้อไวรัส covid-19 ซึ่งกว่าผลการตรวจหาเชื้อไวรัส covid-19 ออกมาก็เป็นระยะเวลาหลายวันและในขณะนี้ทางร้านเองก็ต้องมีการทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่อีกด้วย กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตเพราะว่ามีหลายร้านมากที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอยู่ในตอนนี้

          อย่างเช่น ล่าสุด ใน Facebook ของร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ชื่อดัง ที่ชื่อว่า Copper Buffet  ได้ออกมาประกาศผ่านทางเฟสของทางร้านว่าตอนนี้ทางร้านจะมีการปิดให้บริการลูกค้าเป็นการชั่วคราวไปก่อนซึ่งระยะเวลาในการปิดชั่วคราวนั้นจะปิดทั้งหมด 7 วันด้วยกันโดยเริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 เดือนเมษายนและจะเปิดให้บริการอีกทีในวันที่ 13 เดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2564 

      สาเหตุของการปิดชั่วคราวในครั้งนี้เนื่องจากว่าทางร้านพบว่ามีผู้ที่ติดเชื้อไวรัส covid-19 เข้ามาใช้บริการภายในร้านเมื่อวันที่ 28 เดือนมีนาคมปี พ.ศ. 2564 โดยผู้ติดเชื้อไวรัสโควิตนั้นได้เข้ามาใช้บริการภายในร้านช่วงเวลาประมาณ 12:30 น ทางร้านจึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามแนวทางของรัฐบาลเพื่อความปลอดภัยของลูกค้าที่จะมาใช้บริการของร้านบุฟเฟ่ต์ดังกล่าวโดยมีการปิดฆ่าเชื้อไวรัสโกวิทนั่นเอง

         โดยทางร้านยังระบุอีกด้วยว่าถ้าหากลูกค้าคนไหนที่มีการติดต่อจองที่นั่งไว้ล่วงหน้าโดยจะมาใช้บริการช่วงวันที่ 6 ถึงวันที่ 2 เดือนเมษายนแล้วเราก็สามารถที่จะโทรเข้ามาที่ร้านเพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่แนะนำการเลื่อนวันในการเข้ามารับประทานอาหารบุฟเฟ่ต์ล่วงหน้าได้หรือถ้าหากลูกค้าคนไหนที่ไม่สะดวกจะมาใช้บริการก็สามารถแจ้งยกเลิกและหากมีการมัดจำเงินเอาไว้ก็สามารถทำเรื่องรับเงินคืนได้เช่นเดียวกัน 

       นอกจากร้าน Copper Buffet  หนีแล้วยังมีร้านอาหารอีกหลายร้านที่ออกมาประกาศผ่านทางเฟสของทางร้านว่าจะต้องมีการปิดชั่วคราวซึ่งบางร้านนั้นถูกหน่วยงานราชการไปติดต่อให้ปิดทำการนานถึง 14 วันเลยทีเดียวซึ่งในขณะนี้มีข่าวออกมาว่าทางรัฐบาลกำลังมีการประชุมกับคณะรัฐบาลว่าจะมีการสั่งประกาศให้ร้านค้าที่มีผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิดไปใช้บริการให้มีการปิดร้านชั่วคราวเป็นระยะเวลา 14 วันแทน ซึ่งถ้าหากเป็นเรื่องจริงก็จะสร้างความเดือดร้อนให้กับบรรดาร้านค้าได้มากเลยทีเดียว

 

สนับสนุนโดย    เว็บพนันบอล ฝากขั้นต่ำ 100

ลูกชายป่วยจิต ทุบตีพ่อที่พิการ แถมยังข่มขืนแม่และพี่สาว

              ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์  ชาวบ้านได้รวมตัวกันร้องเรียนไปยังผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดเพื่อให้มานักข่าวเกี่ยวกับครอบครัว หนึ่ง ซึ่งเป็นครอบครัวที่น่าสงสารเป็นอย่างมากโดยชาวบ้านต้องการที่จะให้ข่าวนี้ดังไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อที่จะได้เข้ามาช่วยเหลือคนในครอบครัวนี้นั่นเอง 

          สำหรับเรื่องราวที่ชาวบ้านร้องเรียนนั้นเป็นเรื่องราวที่มีครอบครัวหนึ่ง  มีพ่อซึ่งเป็นคนพิการหลังค่อมอายุ 65 ปีและมีแม่อายุ 51 ปีโดยครอบครัวนี้มีลูกชาย 1 คนอายุ 22 ปีและมีลูกสาว 1 คนอายุ 24 ปี   ปัญหาที่เกิดขึ้นกับครอบครัวนี้ก็คือลูกชายอายุ 22 ปีนั้นมีปัญหาด้านสุขภาพทางจิตจึงมักใช้กำลังทำร้ายร่างกายพ่อซึ่งเป็นคนพิการด้วยการทุบตีพ่ออยู่บ่อยครั้งนอกจากนี้บางครั้งก็ยังมีการถมน้ำลายใส่พ่อและที่สำคัญชายคนดังกล่าวนั้นยังได้มีการข่มขืนแม่แท้ๆพี่สาวแท้ๆของตนเองอีกด้วย

            ซึ่งชาวบ้านที่รับรู้เรื่องราวนี้ต่างก็พากันแจ้งความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคุณชายโรคจิตคนดังกล่าวแต่หลังจากจับกุมได้เพียงแค่ 2-3 วันเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องปล่อยตัวชายคนดังกล่าวออกมาเนื่องจากว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เหตุผลว่าชายคนดังกล่าวนั้นเป็นผู้ป่วยจิตเวชไม่สามารถเอาผิดได้ทำได้เพียงแค่สั่งจำคุกเพียงแค่ 2 3 วันเท่านั้น

            หลังจากนั้นก็ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลโรคจิตเมื่อคุณหมอฉีดยารักษาอาการก็ปล่อยตัวกลับบ้านเหมือนเดิมและเหตุการณ์แบบนี้ก็มักจะเกิดขึ้นซ้ำซากอยู่บ่อยครั้งเมื่อถูกปล่อยตัวออกมาไม่ได้รับการรักษาอาการป่วยทางจิตได้คนดังกล่าวอาการกำเริบและทำร้ายทุบตีพ่อข่มขืนพี่และข่มขืนแม่อยู่เหมือนเดิมนั่นเองจนทำให้เป็นที่น่าเวทนาของชาวบ้านในหมู่บ้านเป็นอย่างมาก

            ซึ่งทุกคนในหมู่บ้านนั้นต่างก็เห็นอกเห็นใจคนในครอบครัวนี้อยากจะช่วยเหลือแต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้จึงได้แจ้งความให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวและสุดท้ายก็ต้องถูกส่งตัวมาเหมือนเดิมโดยทางชาวบ้านนั้นอยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาช่วยเหลือจับกุมลูกชายของครอบครัวนี้ไปเข้ารับการรักษาให้หายจากอาการป่วยทางจิตนี้สักที 

              อย่างไรก็ตามเมื่อนักข่าวได้ลงไปพูดคุยกับคนในครอบครัวซึ่งทางด้านลูกสาวคนโตนั้นได้ให้ข้อมูลกับทางนักข่าวว่าเหตุการณ์ที่ชาวบ้านได้มีการร้องเรียนไปทางผู้สื่อข่าวนั้นเป็นเรื่องจริงและทุกคนในครอบครัวก็ถูกน้องชายซึ่งมีอาการทางจิตนั้นทำร้ายร่างกายจริงๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากวันไหนน้องชายไปดื่มเหล้าเมามาก็จะทำร้ายร่างกายคนในครอบครัวทุกคนอีกทั้งยังข่มขืนแม่เป็นประจำซึ่งทุกคนนั้นไม่สามารถที่จะสู้แรงน้องชายได้และทุกคนในครอบครัวต่างก็พากันหวาดกลัวว่าวันหนึ่งวันใดนั้นน้องชายอาจจะฆ่าพวกเขาตายก็เป็นไปได้

 

สนับสนุนโดย.   เว็บพนันบอล ดีที่สุด

ดราม่า คาเฟ่หรูที่ศาลายา ให้บริการ 2 มาตรฐาน

             เมื่อวันที่ 19 เดือนมีนาคมปีพ.ศ 2564  ในโลกโซเชียลได้มีการพูดถึงเรื่องของกรณีที่มีเด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งเข้ามาทำการโพสต์ข้อความผ่านทาง Social Media  เกี่ยวกับเรื่องของการรีวิวคาเฟ่หรูแห่งหนึ่งซึ่งเปิดให้บริการได้ไม่นานโดยคาเฟ่แห่งนี้นั้นอยู่ในพื้นที่แถวศาลายาจังหวัดนครปฐมนั่นเอง 

          สำหรับกระแสดราม่าที่มีการพูดถึงกันนั่นก็คือเด็กนักเรียนกลุ่มนี้เธอได้มีการนัดแนะกันเพื่อที่จะไปเที่ยวที่คาเฟ่แห่งนี้เนื่องจากว่ามีภาพของสถานที่ที่เป็นคาเฟ่แห่งนี้นั้นค่อนข้างสวยงามและมีมุมให้ถ่ายรูปเต็มไปหมดซึ่งเด็กนั้นก็อยากที่จะไปลองใช้บริการดูด้วยพวกเธอล่ะว่าพวกเธอนั้นไปถึงที่คาเฟ่แห่งนี้ตั้งแต่ตอน 9:45 น

        ซึ่งแท้ที่จริงแล้วทางร้านจะเปิดให้บริการตอน 10:00 น แต่เนื่องจากว่ามีคนไปเป็นจำนวนมากทำให้เธอนั้นต้องรอคิวนานถึง 1 ชั่วโมงเลยทีเดียวและพวกเธอเข้าไปใช้บริการร้านคาเฟ่แห่งนี้ตอนเวลาประมาณ 11:00 น ซึ่งแน่นอนว่าด้วยจำนวนของคนที่เข้าไปใช้บริการเยอะมากทำให้พวกเธอนั้นได้นั่งที่นั่งโซนด้านนอกโดยที่นั่งโซนนี้โต๊ะค่อนข้างเล็กและพวกเธอไปกันค่อนข้างหลายคนจึงค่อนข้างแออัดใน

       ขณะเดียวกันพนักงานที่ให้บริการอยู่ด้านนอกนั้นไม่มีการเข้าไปพูดคุยกับลูกค้าโต๊ะข้างเคียงกับเธอโดยเสนอให้มีการย้ายเข้าไปนั่งด้านในซึ่งมีห้องแอร์ และเมื่อเด็กนักเรียนกลุ่มนี้มีการร้องขอพนักงานขอย้ายโต๊ะปรากฏว่ามีพนักงานอีกกลุ่มหนึ่งไม่อนุญาตให้พวกเธอนั้นได้ย้ายโต๊ะได้ 

               นอกจากนี้เวลาที่พวกเธอสั่งอาหารนั้นพนักงานก็ไม่ค่อยสนใจและเมื่อสั่งไปก็ได้รับอาหารไม่ตรงกับเมนูที่สั่งทำให้พวกเธอนั้นรู้สึกว่าการที่พวกเธอไปใช้บริการโดยการสวมชุดนักเรียนไปนั้นทำให้พนักงานนั้นดูถูกและปฏิบัติกับพวกเธอสองมาตรฐานเพราะพนักงานเหล่านั้นจะให้บริการกับลูกค้าที่เป็นลูกค้าผู้ใหญ่ค่อนข้างดีแต่สำหรับเด็กนักเรียนแล้วกับพูดจาไม่ค่อยไพเราะและไม่ค่อยสนใจในการให้บริการนั่นเอง

          ดังนั้นพวกเธอจึงนำ ประสบการณ์ที่พวกเธอถูกปัจจุบันแบบสองมาตรฐานนี้มาโพสต์ลงใน Facebook เพื่อเป็นการรีวิวสถานที่ให้กับคนที่เป็นเด็กนักเรียนแล้วอยากจะไปใช้บริการคาเฟ่แห่งนี้อาจจะต้องทำไตซึ่งถ้าอยากได้รับบริการที่ดีควรจะใส่ชุดไปรเวทไปนั่นเอง

        หลังจากที่มีการเผยแพร่โพสต์นี้ออกไปก็ทำให้คนในโลกออนไลน์ต่างเข้ามาวิจารณ์กันเป็นอย่างมากจนรุ่นนี้โด่งดังไปจนถึงร้านคาเฟ่ดังกล่าวซึ่งทางด้านเจ้าของร้านเองก็ได้ออกมาชี้แจงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นพร้อมกับน้อมรับความผิดที่ทางพนักงาน และจะนำข้อบกพร่องต่างๆเหล่านี้ไปปรับปรุงการให้บริการในครั้งต่อไปโดยทางร้านคาเฟ่หรูดังกล่าวนั้นได้ชี้แจงว่าร้านตนเองเพิ่งเปิดมาไม่นานซึ่งการบริการอาจจะไม่ค่อยทั่วถึง และหลังจากที่ทางร้านออกมารับผิดทำให้คนในโลกโซเชียลพอใจกับการแก้ไขของทางร้านมากทีเดียว

 

สนับสนุนโดย.   วิธีเล่นบาคาร่า ufabet

ดักจับโรคจิตชอบแอบถ่ายผู้หญิงเข้าห้องน้ำในปั้ม

           เมื่อวันที่ 27   เดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ. 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุว่ามีชาวบ้านช่วยกันจับกุมชายโรคจิตพี่แอบถ่ายผู้หญิงเข้าห้องน้ำได้ที่ปั๊มแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรีบริเวณเส้นถนนบางกรวยไทรน้อย  และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงยังปั๊มน้ำมันที่เป็นจุดเกิดเหตุ แล้วพบว่าชาวบ้านกำลังควบคุมตัวชายคนดังกล่าวเอาไว้หลังจากนั้นจึงส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกับหลักฐานจากคลิปโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งสามารถใช้เป็นหลักฐานในการจับกุมตัวชายคนดังกล่าวว่าเป็นชายโรคจิตที่เข้าไปในห้องน้ำผู้หญิงด้วยแอบถ่ายผู้หญิงเข้าห้องน้ำนั่นเอง

        หลังหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการควบคุมชายผู้ต้องหาพร้อมกับหญิงสาวซึ่งเป็นผู้เสียหายให้ไปที่สถานีตำรวจและจากการพูดคุยกัน  หญิงสาวคนดังกล่าวให้การกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า  เธอเคยมาเข้าห้องน้ำที่ปั๊มน้ำมันแห่งนี้ มาแล้วครั้งหนึ่งช่วงประมาณเดือนมิถุนายนซึ่งตอนนั้นเธอถูกแอบถ่ายจากชายโรคจิตคนหนึ่งแต่ไม่สามารถจับได้ว่าเป็นใครหลังจากนั้นเธอไปแจ้งความเอาไว้แต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า   เออได้ไปขอข้อมูลกล้องวงจรปิดจากปั๊มน้ำมัน  ซึ่งกล้องวงจรปิดจะเห็นใบหน้าของคนร้ายอย่างชัดเจนทำให้เธอจดจำภาพใบหน้าของคนร้ายได้ 

       สำหรับวันเกิดเหตุนี้ เธอขับรถผ่านมากับแฟน และต้องการเข้าห้องน้ำก่อนที่จะเดินเข้าห้องน้ำเธอเห็นชายคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ร้านอาหารภายในปั้ม และมีใบหน้าคล้ายกับคนร้ายโรคจิต เธอจึงได้เปิดกล้องที่มือถือเอาไว้ เผื่อว่าจะสามารถถ่ายหน้าคนร้ายได้ หลังจากเธอเข้าห้องน้ำ คนร้ายก็เดินตามเธอเข้ามาจริงๆ หลัง จากนั้นคนร้ายก็ก้มลงเอามือถือยื่นเข้ามาถ่าย ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เธอถ่ายรูปคนร้ายเอาไว้ได้เช่นกัน ในขณะเดียวกัน เธอก็ได้ตะโกนให้คนภายนอกช่วยเหลือ

        ซึ่งมีพลเมืองดีหลายคนมาก โดยมีทั้งแฟนของเธอ  คนขับรถแท็กซี่และยังมีเหล่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่พากันม่าจอดรถอยู่ภายในปั้ม พากันไล่จับชายคนร้าย และสามารถจับได้ ก่อนที่จะมีการรุมกระทืบชายคนร้ายเพื่อไม่ให้หนี   อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในครั้งนี้มีภาพจากกล้องของผู้เสียหาย และกล้องวงจรปิดของปั้ม รวมถึงมีคนเห็นเหตุการณ์เป็นจำนวนมากต่างก็เป็นพยานให้ได้ว่า ชายคนดังกล่าวเข้าไปแอบถ่ายหญิงสาวในห้องน้ำจริงๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ดำเนินคดีตามกฎหมาย 

        หญิงสาวที่เป็นผู้เสียหายกล่าวว่า หากมีหญิงสาวคนไหนที่เคยถูกชายคนนี้แอบถ่ายสามารถไปแจ้งความเอาผิดเพิ่มได้ เพราะเธอเคยคุยกับเหล่าแม่ค้าภายในปั้งน้ำมันแห่งนี้แล้ว ยืนยันว่าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งแต่ก็ยังจับคนร้ายไม่ได้ จนมาครั้งนี้ที่ทุกคนช่วยกันจึงจับคนร้ายได้นั่นเอง

           เมื่อวันที่ 27   เดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ. 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุว่ามีชาวบ้านช่วยกันจับกุมชายโรคจิตพี่แอบถ่ายผู้หญิงเข้าห้องน้ำได้ที่ปั๊มแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรีบริเวณเส้นถนนบางกรวยไทรน้อย  และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงยังปั๊มน้ำมันที่เป็นจุดเกิดเหตุ แล้วพบว่าชาวบ้านกำลังควบคุมตัวชายคนดังกล่าวเอาไว้หลังจากนั้นจึงส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกับหลักฐานจากคลิปโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งสามารถใช้เป็นหลักฐานในการจับกุมตัวชายคนดังกล่าวว่าเป็นชายโรคจิตที่เข้าไปในห้องน้ำผู้หญิงด้วยแอบถ่ายผู้หญิงเข้าห้องน้ำนั่นเอง

        หลังหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการควบคุมชายผู้ต้องหาพร้อมกับหญิงสาวซึ่งเป็นผู้เสียหายให้ไปที่สถานีตำรวจและจากการพูดคุยกัน  หญิงสาวคนดังกล่าวให้การกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า  เธอเคยมาเข้าห้องน้ำที่ปั๊มน้ำมันแห่งนี้ มาแล้วครั้งหนึ่งช่วงประมาณเดือนมิถุนายนซึ่งตอนนั้นเธอถูกแอบถ่ายจากชายโรคจิตคนหนึ่งแต่ไม่สามารถจับได้ว่าเป็นใครหลังจากนั้นเธอไปแจ้งความเอาไว้แต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า   เออได้ไปขอข้อมูลกล้องวงจรปิดจากปั๊มน้ำมัน  ซึ่งกล้องวงจรปิดจะเห็นใบหน้าของคนร้ายอย่างชัดเจนทำให้เธอจดจำภาพใบหน้าของคนร้ายได้ 

       สำหรับวันเกิดเหตุนี้ เธอขับรถผ่านมากับแฟน และต้องการเข้าห้องน้ำก่อนที่จะเดินเข้าห้องน้ำเธอเห็นชายคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ร้านอาหารภายในปั้ม และมีใบหน้าคล้ายกับคนร้ายโรคจิต เธอจึงได้เปิดกล้องที่มือถือเอาไว้ เผื่อว่าจะสามารถถ่ายหน้าคนร้ายได้ หลังจากเธอเข้าห้องน้ำ คนร้ายก็เดินตามเธอเข้ามาจริงๆ หลัง จากนั้นคนร้ายก็ก้มลงเอามือถือยื่นเข้ามาถ่าย ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เธอถ่ายรูปคนร้ายเอาไว้ได้เช่นกัน ในขณะเดียวกัน เธอก็ได้ตะโกนให้คนภายนอกช่วยเหลือ

        ซึ่งมีพลเมืองดีหลายคนมาก โดยมีทั้งแฟนของเธอ  คนขับรถแท็กซี่และยังมีเหล่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่พากันม่าจอดรถอยู่ภายในปั้ม พากันไล่จับชายคนร้าย และสามารถจับได้ ก่อนที่จะมีการรุมกระทืบชายคนร้ายเพื่อไม่ให้หนี   อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในครั้งนี้มีภาพจากกล้องของผู้เสียหาย และกล้องวงจรปิดของปั้ม รวมถึงมีคนเห็นเหตุการณ์เป็นจำนวนมากต่างก็เป็นพยานให้ได้ว่า ชายคนดังกล่าวเข้าไปแอบถ่ายหญิงสาวในห้องน้ำจริงๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ดำเนินคดีตามกฎหมาย 

        หญิงสาวที่เป็นผู้เสียหายกล่าวว่า หากมีหญิงสาวคนไหนที่เคยถูกชายคนนี้แอบถ่ายสามารถไปแจ้งความเอาผิดเพิ่มได้ เพราะเธอเคยคุยกับเหล่าแม่ค้าภายในปั้งน้ำมันแห่งนี้แล้ว ยืนยันว่าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งแต่ก็ยังจับคนร้ายไม่ได้ จนมาครั้งนี้ที่ทุกคนช่วยกันจึงจับคนร้ายได้นั่นเอง

 

สนับสนุนโดย.   gclub

อดีต ลูกสะใภ้ ยกพวกมาถล่มทุกบ้านแม่ผัวพังยับเยิน ทนายความชี้มีความผิดทั้งแพ่งและอาญา

          เมื่อวันที่ 7 เดือนมีนาคมปี พ.ศ. 2564   เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีเหตุการณ์ทะเลาะกันเกิดขึ้นที่บ้านหลังหนึ่งและต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปช่วยระงับเหตุโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่บ้านหลังหนึ่งในจังหวัดร้อยเอ็ด  บ้านหลังที่เกิดเหตุนั้นอยู่ที่หมู่บ้านหนองขุมดิน    

        สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้ทางเจ้าของบ้านผู้เสียหายนั้นก็คือนางสาวเอได้เล่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่าผู้ก่อเหตุนั้นเคยเป็นอดีตภรรยาของพี่ชายของเธอเองซึ่งผู้ก่อเหตุนั้นชื่อว่านางสาวยุพาพรรณ  ผู้ก่อเหตุนั้นยังมีตำแหน่งหน้าที่เป็นถึงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านอีกด้วย

     สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นนางสาวยุพาพรรณได้มีการพาพรรคพวกเงินหลายคนอาทิบ้านของนางสาวเอจากนั้นก็ได้มีการใช้อุปกรณ์ที่เตรียมมาทุบกำแพงบ้านของนางสาวเอจนได้รับความเสียหาย  ส่วนสาเหตุของการทำลายข้าวของในครั้งนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่นางสาวยุพาพรรณนั้นอยู่กินกับพี่ชายของตนแล้วด้วย

          ในตอนนั้นทางครอบครัวของนางสาวเอจับได้ว่า นางสาวยุพาพรรณได้มีการปลอมแปลงเอกสารปลอมลายเซ็นของคนในครอบครัวแล้วไปทำการยื่นเรื่องที่ ที่ทำการอำเภอศรีสมเด็จด้วยขอยื่นเรื่องเป็นเจ้าของบ้านของนางสาวเอโดยที่คนในบ้านนั้นไม่รู้เห็นและไม่ได้มีการอนุญาต  นางสาวยุพาพรรณนั้นมีการปลอมลายเซ็นของบุคคลภายในบ้านเพื่อที่ต้องการหวังจะพบที่ดินบ้านหลังที่เกิดเหตุ

          แต่ปรากฏว่าทั้งครอบครัวทราบเรื่องเสียก่อนทำให้คนในครอบครัวไม่ว่าจะเป็นคุณยายทวดหรือแม้แต่แม่ของนางสาวเอและพี่ชายของนางสาวเอซึ่งเป็นสามีของนางสาวยุพาพรรณต่างก็พากันไม่พอใจจึงได้มีการขับไล่นางสาวยุพาพรรณออกจากบ้านและพี่ชายของเธอก็ได้มีการหย่าขาดจากการสาวยุพาพรรณ 

         ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นผ่านมาประมาณ 1 ปีกว่าแล้วแต่นางสาวยุพาพรรณนั้นยังคงมีความคับแค้นใจอยู่และในวันนี้นางสาวยุพาพรรณก็พาคนมาพังถล่มบ้านของนางสาวเอชนกำแพงบ้านได้รับความเสียหาย

           โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้นางสาวเอและมีการถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐานด้วยซึ่งหลังจากที่มีการนำคลิปไปทำการแจ้งความและไปร้องเรียนตามส่วนต่างๆพบว่านางสาวยุพาพรรณยังไม่ได้รับผลกระทบหรือยังไม่ได้รับการลงโทษแต่อย่างใดและเรื่องราคาก็ค่อนข้างเงียบดังนั้นจึงได้มีการนำคลิปดังกล่าวมาโพสต์ในโซเชียลหวังให้เรื่องราวนี้โด่งดังและทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้นได้มีการเอาผิดนางสาวยุพาพรรณนั่นเอง

      อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในครั้งนี้เมื่อทนายความได้เห็นคลิปก็ลงความเห็นว่า การกระทำในครั้งนี้ทำให้นางสาวยุพาพรรณ มีความผิดทั้งคดีทางแพ่งและทางอาญาเลยทีเดียว

 

สนับสนุนโดย.    ทางเข้าufabet168

กระทรวงศึกษาธิการประกาศสั่งปิดโรงเรียนต่อเนื่อง

มีการประกาศออกมาจาก กระทรวงศึกษาธิการ เกี่ยวกับการเปิดและการปิดการเรียนการสอนของโรงเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนในเขตพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัส-19  ซึ่งมีทั้งหมด 28 จังหวัดด้วยกัน โดยทางกระทรวงศึกษาธิการ ได้มีการตัดสินใจที่จะดูแลเหล่าบรรดาเด็กนักเรียน

และนักศึกษา ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนเอกชนหรือว่าจะเป็นโรงเรียนของรัฐบาลก็ตาม  จะเป็นต้องมีการเลื่อนการเปิดเรียนไปก่อน เพราะตอนนี้สถานการณ์ของการระบาดของไวรัสโควิด-19 กำลังส่งผลกระทบกับสถานศึกษาเป็นอย่างมาก

        อย่างที่เราทราบกันดีว่าในตอนนี้มีหลายจังหวัดมากในประเทศไทยที่กำลังได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19  ซึ่งก่อนหน้านี้สถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันหนาแน่น ไม่ว่าจะเป็นตลาด หรือบ่อนการพนัน มีคนที่ติดเชื้อไวรัสเยอะมาก

จนมีหลายจังหวัดจำเป็นต้องมีการประกาศล็อกดาวน์  และแน่นอนว่าตอนนี้สถานการณ์ของการระบาดของไวรัสโควิด-19  จำเป็นต้องควบคุมสถานที่ที่ประชาชนจะไปรวมตัวกันเยอะ เพราะค่อนข้างที่จะเสี่ยงมากเลยทีเดียว  หากมีคนติดเชื้อไวรัสเพียงแค่คนเดียวเข้าไปอยู่ในบริเวณที่มีคนอยู่หนาแน่น ย่อมส่งผลให้มีการแพร่กระจายไวรัสโควิด-19 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

          ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของเด็กนักเรียน และเป็นการลดความเสี่ยงที่จะมีการแพร่กระจายของไวรัสในสถานศึกษา กระทรวงศึกษาธิการจึงจำเป็นตอ้งมีการออกมาตรการเพื่อความปลอดภัยให้กับเด็กๆ ด้วยการประกาศปิดการเรียนไปก่อน สำหรับจังหวัดที่มีแนวโน้มว่าจะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างรวดเร็ว โดยมีทั้งหมด 28 จังหวัดด้วยกัน ส่วนรายละเอียดของการปิดการเรียนนั้นจะมีการปิดต่อเนื่องตั้งแต่ปีใหม่ไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคม ปี พ.ศ. 2564  

    อย่างไรก็ตามการประกาศปิดเรียนในครั้งนี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง เพราะต้องดูสถานการณ์การระบาดของไวรัสแบบวันต่อวัน หากรัฐบาลและกระทรวงสาธารณะสุข สามารถแก้ไขปัญหาการระบาดของไวรัส หรือควบคุมการระบาดของไวรัสได้ เร็วก็อาจจะมีการเลื่อนเปิดเรียนให้เร็วขึ้นก็ได้ แต่ถ้าหากว่าไม่สามารถควบคุมได้ และยังมีการระบาดอย่างแพร่หลายไปอีกอาจจะมีการเลื่อนการปิดเรียนต่อไปได้อีก

     จะเห็นได้ว่าตอนนี้ทุกภาคส่วนต่างก็ได้รับผลกระทบกับการระบาดของไวรัสในครั้งนี้มาก เพราะในตอนนี้รัฐบาลประกาศปิดทำการหลายที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสวนสนุก  หรือแม้แต่โรงเรียน โรงหนัง รวมถึงตลาด และยังมีอื่นๆอีกมากมาย เรียกได้ว่าตอนนี้เดือดร้อนกันหมด ซึ่งหลายคนก็พากันกลัวว่า สถานการณ์จะเลวร้าย จนรัฐบาลอาจจะต้องมีการประกาศล็อกดาวน์ประเทศอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เศรษฐกิจต้องแย่มากกกว่าเดิมอย่างแน่นอน 

ยืนยันชายในคลิปที่ทำลายคอมพิวเตอร์ที่สนามบินดอนเมืองไม่ได้เป็นตำรวจนานแล้ว

             ยังคงพูดถึงกันไม่เลิกกับคลิปวีดีโอที่มีการแชร์เริ่มต้นใน Twitter และมีการแชร์ต่อๆกันไปในโลกออนไลน์ทั้งผ่าน youtube รวมถึงผ่านระบบ Facebook ด้วยซึ่งในคลิปจะเป็นการบอกถึงชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งน่าจะเป็นสามีภรรยากันต้องการเดินทางด้วยเครื่องบินโดยไปขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมืองแล้วเกิดไม่พอใจเนื่องจากพนักงานไม่ให้ขึ้นเครื่องเพราะทั้งคู่นั้นเดินทางมาถึงสนามบินช้าไป 30 วินาที

อย่างไรก็ตามได้มีคนตาดีถ่ายคลิปวีดีโอเอาไว้ขณะที่ชายหญิงคู่ดังกล่าวกำลังแสดงอาการไม่พอใจกับทางเจ้าหน้าที่สนามบินและสิ่งที่ทำให้ประชาชนที่เห็นข้อมูลในคลิปต่างก็ไม่พอใจในความหัวร้อนของคนทั้งคู่ก็เพราะว่าฝ่ายชายที่อยู่ในคลิปได้ทำลายคอมพิวเตอร์ของสนามบิน

อีกทั้งมีข่าวโซเชียลหลายคนได้มีการเข้าไปสืบประวัติชายหญิงคู่ดังกล่าวพบว่าฝ่ายชายนั้นเคยเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจมาก่อนซึ่งหลายคนก็ออกมาพูดถึงพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ในแต่ละวันนั้นมักจะมีข่าวเกี่ยวกับความประพฤติของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้านไม่ค่อยดีออกมาให้เห็นอยู่เป็นประจำอีก

ทั้งยังมีข่าวเกี่ยวกับเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อำนาจหน้าที่เกินกว่าเหตุซึ่งทำให้รองโฆษกตำรวจที่ได้มีการติดตามข่าวนี้ทนไม่ได้ต้องออกมาชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยมีการระบุว่าเมื่อมีการตรวจสอบไปแล้วใช้ที่อยู่ในคลิปที่อาละวาดที่สนามบินดอนเมืองนั้นปัจจุบันไม่ได้

เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วเพราะมีการลาออกไปแล้วซึ่งทางด้านรองโฆษกตำรวจยืนยันว่าชายคนดังกล่าวลาออกจากการเป็นตำรวจไปแล้วตั้งแต่ปีพศ 2557 ดังนั้นทางด้านรองโฆษกตำรวจจึงอยากจะฝากไปถึงชาวโซเชียลทั้งหลายว่าไม่อยากที่จะให้รังเกียจเจ้าหน้าที่ตำรวจและไม่อยากจะให้เหมารวมต่อการกระทำของชายคนดังกล่าวมาถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นๆเพราะพฤติกรรมที่ชายคน

ดังกล่าวกระทำที่สนามบินดอนเมืองนั้นเป็นพฤติกรรมส่วนตัวไม่เกี่ยวกับข้าราชการตำรวจเลยและที่สำคัญใช่คนนั้นก็ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วเช่นเดียวกันจึงไม่สามารถที่จะให้ทางโฆษกตำรวจนั้นออกไปจัดการชายคนดังกล่าวได้แต่เบื้องต้นเท่าที่ตรวจสอบมาก็คือทางสนามบินดอนเมืองได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับชายดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการแจ้งดำเนินคดีนั้นได้มีการแจ้งตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องแล้วเพราะที่สนามบินสุวรรณภูมิจะมีสนดอนเมืองอยู่ใกล้ๆทำให้เจ้าหน้าที่ของสนามบินได้มีการแจ้งความจับชายหญิงคู่ดังกล่าวแล้วนั่นเอง

อย่างไรก็ตามได้มีการเช็คประวัติชายคนดังกล่าวพบว่ามีการลาออกจริงตั้งแต่ปีพศ 2557 ซึ่งแต่เดิมนั้นเขาเคยสังกัดอยู่ที่สถานีตำรวจจังหวัดกาฬสินธุ์   ดังนั้นปัจจุบันนี้เทียบเท่ากับว่าชายคนนั้นไม่ได้มีความเกี่ยวพันกับหน่วยงานราชการตำรวจนานแล้วนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย   ufabet

กระแสการชูสามนิ้วพร้อมผูกโบว์ขาว กำลังทำให้โรงเรียนเดือด

         กำลังเป็นกระแสร้อนแรงอยู่ในขณะนี้เมื่อมีเด็กนักเรียนมัธยมออกมาร่วมต่อต้านระบบเผด็จการร่วมกับระดับนักศึกษาอุดมศึกษาซึ่งสิ่งที่เด็กมัธยมทำก็คือเมื่อเข้ามาในโรงเรียนเด็กๆจะมีการนำผ้าขาวมาผูกโบว์ที่ข้อมือและมีการชูสัญลักษณ์ 3 นิ้วขึ้นซึ่งว่ากันว่าสัญลักษณ์นี้เป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านระบอบเผด็จ

การและกระแสนิยมที่มีการชูสามนิ้วพร้อมกับผูกโบว์นี้กำลังเป็นที่นิยมเกือบทุกทั้งโรงเรียนทั่วประเทศซึ่งเด็กๆนั้นมักจะทำกันช่วงเวลาที่มีการเข้าแถวหน้าเสาธงในช่วงเช้าและตอนเย็นและในขณะนี้เกิดเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นในโรงเรียนเมื่อเราคุณครูเองก็ไม่พอใจกับการกระทำของเด็กนักเรียนที่มีการแสดงออกถึงสัญลักษณ์

ดังกล่าวซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องของผอโรงเรียนหรือคุณครูตบนักเรียนและต่อว่าได้ใช้คำหยาบคายหลังจากที่เห็นเด็กนักเรียนชู3 นิ้วขึ้นมาพร้อมกับผูกโบว์สีขาวที่ข้อมือในขณะที่พวกเขานั้นกำลังเคารพธงชาติหน้าเสาธงในช่วงเช้าของการเข้าเรียนอย่างไรก็ตามไม่ได้มีแค่เพียงโรงเรียนเท่านั้น

ที่กำลังมีความรุนแรงอยู่ในขณะนี้อีกหลายโรงเรียนทั่วทุกภาคในประเทศไทยกำลังประสบปัญหาแบบนี้ระหว่างคุณครูกับเด็กนักเรียนเรียกได้ว่ากำลังเดือดกันมากเลยทีเดียวก็แน่นอนว่าเด็กยังคงแสดงออกซึ่งสัญลักษณ์ถึงแม้จะถูกห้ามปรามส่วนทางด้านคุณครูเองก็เกิดอาการไม่พอใจ

ที่เด็กนักเรียนไม่ทำตามที่ตนเองสั่งถึงขนาดที่มีข่าวออกมาว่าคุณครูด่าพ่อแม่เด็กและมีการตบตีกระชากหัวทำร้ายร่างกายเด็กที่สำคัญกำลังมีการจะประกาศออกมาด้วยว่าหากเด็กคนไหนที่แสดงออกถึงสัญลักษณ์ดังกล่าวก็จะถูกไล่ออกจากทางโรงเรียนซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่เรื่องเลื่อนลอยที่มีการลืมกันเท่านั้น

แต่ยังมีข้อมูลจริงที่สามารถยืนยันได้ว่าในโรงเรียนขณะนี้กำลัเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจริงๆและถึงแม้ว่าทางโรงเรียนจะมีการประกาศไม่ให้เด็กแสดงสัญลักษณ์ต่างๆออกมาแต่เด็กๆก็ยังคงมีการแสดงสัญลักษณ์มากมายไม่ว่าจะเป็นการนำโบว์ไปผูกที่กระเป๋าหรือแม้แต่การที่มีการเป็นข้อความเกี่ยวกับข้อมูลทางด้านกฎหมายในสิ่งที่พวกเขาแสดงออกว่าสิ่งที่เขาทำนั้นไม่ได้ผิดกฎหมาย

แต่อย่างใดและยังมีคลิปหลุดออกมาด้วยเมื่อมีคลิปว่าคุณครูท่านหนึ่งมีการด่าเด็กนักเรียนเป็นสัตว์และยังต่อว่าไปถึงพ่อแม่ผู้ปกครองว่าไม่สั่งสอนลูกของตนเองอีกทั้งอย่างไรให้เด็กนักเรียนนั้นไปแสดงสัญลักษณ์เหล่านี้ไปแสดงออกถึงความต้องการแบบนี้ที่อื่นที่ไม่ใช่ในโรงเรียน

โดยคุณครูยังบอกอีกด้วยว่ากำลังติดกล้องวงจรปิดให้ทั่วทั้งโรงเรียนเพราะเห็นใครแสดงสัญลักษณ์เมื่อไหร่จะถูกเลือกผู้ปกครองและออกทันทีซึ่งหลังจากที่มีคลิปนี้เผยแพร่ออกไปก็ทำให้คนในโลกออนไลน์นั้นออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการกระทำของคุณครูท่านนี้เป็นอย่างมาก

 

สนับสนุนโดย    ufabet สมัครยังไง

เพื่อนบ้านแอบตัดกุญแจ เข้ามาอาศัยอยู่ในบ้าน

ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของเพื่อนบ้านนั้นมีมากหลายซึ่งปัญหาหลักๆของการอาศัยอยู่ร่วมกันของคนมีว่านั่นก็คือคนในหมู่บ้านมักจะไม่ค่อยมีมารยาท  ไม่รู้จักวิธีการอาศัยอยู่ร่วมกับคนอื่น  เห็นแก่ประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก

     ส่วนใหญ่แล้วจะพบเห็นปัญหาคนในหมู่บ้านเดียวกันทะเลาะกันสาเหตุก็เนื่องมาจากข้างบ้านเปิดเพลงเสียงดัง  แต่เพื่อนบ้านมักจะนำรถมาจอดบริเวณหน้าบ้านของคนอื่น  ทำให้กีดขวางการจราจร   รวมถึงบางคนไม่ยอมจ่ายค่าส่วนกลางและยังมีปัญหาการปลูกต้นไม้แล้วกิ่งไม้รำไปในบ้านของคนอื่น  หรือแม้แต่การต่อเติมบ้านเรายื่นเข้าไปในบ้านของคนอื่น  ปัญหาเหล่านี้คือปัญหาของเพื่อนบ้านที่เรามักจะประสบพบเจอกันและการแก้ไขปัญหานั้นค่อนข้างยุ่งยากเพราะต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมซึ่งกันและกันนั่นเอง

        อย่างไรก็ตามปัญหานี้ฟังดูจิตใจก็เลยเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ชายคนหนึ่งที่เขาได้มีการโพสต์ Facebook บอกเล่าเรื่องราวปัญหาของตนเอง  โดยเขาระบุว่าเขาซื้อบ้านทาวน์เฮ้าส์ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งเอาไว้แต่ไม่ได้เข้ามาอยู่อาศัยเพียงแค่ซื้อข้าวของมาเก็บไว้ภายในบ้านเช่นเคยพร้อมน้ำมีแอร์  และมีพวกโซฟาตู้เสื้อผ้าเขาเองนั้นอาศัยอยู่บ้านอีกหลังหนึ่งโดยพลาดของเขานั้นปล่อยทิ้งเอาไว้ไม่ได้มาดูแลเป็นระยะเวลานานถึง 4 ปีด้วยกันเดือนนี้ปีนี้รู้สึกอยากจะมาดูสภาพบ้าน

              แต่เมื่อเดินทางมาถึงที่บ้านของตนเองปรากฏว่ามีคนเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านของเขา  และเมื่อตรวจสอบดูแล้วพบว่าคนที่อาศัยอยู่ในบ้านของเขานั้นเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันนั่นเองโดยเพื่อนบ้านได้ตัดกุญแจรั้วบ้านของเขาและเข้ามาอยู่อาศัยเลยโดยนำรถเข้ามาจอดมาอาศัยหลับนอนซึ่งสภาพบ้านของเขานั้นจากที่มีการตกแต่งไว้อย่างสวยงามกับเละเทะและที่สำคัญปั๊มน้ำของเขาหายไป แอร์คอนดิชั่นของเขาก็หายไปด้วยเช่นเดียวกัน

         เขาระบุว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเพื่อนบ้านได้มีการต่อพ่วงสายไฟจากบ้านของตนเองที่อยู่ติดกันมาบ้านของเขาหลังจากนั้นก็พากันเข้ามาอยู่อาศัยซึ่งเบื้องต้นเขาได้พยายามพูดคุยกับเพื่อนบ้านให้แสดงความรับผิดชอบแล้วถามถึงสาเหตุว่าทำไมต้องเข้ามาบุกรุกบ้านของเขาแต่เพื่อนบ้านพยายามบ่ายเบี่ยงเบนและไม่มีใครออกมารับผิดชอบ

        ชายคนดังกล่าวยังบอกด้วยว่าในตอนแรกเขาไม่ต้องการที่จะแจ้งความดำเนินคดีเพราะรู้สึกสงสารเนื่องจากเห็นว่าเพื่อนบ้านนั้นมีลูกเล็กอยู่หลายคนแต่เมื่อเขาพยายามพูดคุยด้วยดีๆเพื่อนบ้านกลับรถหน้าหลบตาอยู่ตลอดเวลาซึ่งเขาให้ระยะเวลามา 3 วันแล้วแต่ก็ไม่มีความคืบหน้า

ดังนั้นเขาตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไปดำเนินคดีตามกฎหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการให้ซึ่งเขาเชื่อว่าบ้านหลังดังกล่าวนั้นจะต้องถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับขังคุกอย่างแน่นอนในข้อหาบุกรุกบ้านของคนอื่นโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตและทำลายทรัพย์สินขโมยข้าวของของเขา

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    ufabet บนมือถือ