กระทรวงศึกษาธิการประกาศสั่งปิดโรงเรียนต่อเนื่อง

มีการประกาศออกมาจาก กระทรวงศึกษาธิการ เกี่ยวกับการเปิดและการปิดการเรียนการสอนของโรงเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนในเขตพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัส-19  ซึ่งมีทั้งหมด 28 จังหวัดด้วยกัน โดยทางกระทรวงศึกษาธิการ ได้มีการตัดสินใจที่จะดูแลเหล่าบรรดาเด็กนักเรียน

และนักศึกษา ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนเอกชนหรือว่าจะเป็นโรงเรียนของรัฐบาลก็ตาม  จะเป็นต้องมีการเลื่อนการเปิดเรียนไปก่อน เพราะตอนนี้สถานการณ์ของการระบาดของไวรัสโควิด-19 กำลังส่งผลกระทบกับสถานศึกษาเป็นอย่างมาก

        อย่างที่เราทราบกันดีว่าในตอนนี้มีหลายจังหวัดมากในประเทศไทยที่กำลังได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19  ซึ่งก่อนหน้านี้สถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันหนาแน่น ไม่ว่าจะเป็นตลาด หรือบ่อนการพนัน มีคนที่ติดเชื้อไวรัสเยอะมาก

จนมีหลายจังหวัดจำเป็นต้องมีการประกาศล็อกดาวน์  และแน่นอนว่าตอนนี้สถานการณ์ของการระบาดของไวรัสโควิด-19  จำเป็นต้องควบคุมสถานที่ที่ประชาชนจะไปรวมตัวกันเยอะ เพราะค่อนข้างที่จะเสี่ยงมากเลยทีเดียว  หากมีคนติดเชื้อไวรัสเพียงแค่คนเดียวเข้าไปอยู่ในบริเวณที่มีคนอยู่หนาแน่น ย่อมส่งผลให้มีการแพร่กระจายไวรัสโควิด-19 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

          ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของเด็กนักเรียน และเป็นการลดความเสี่ยงที่จะมีการแพร่กระจายของไวรัสในสถานศึกษา กระทรวงศึกษาธิการจึงจำเป็นตอ้งมีการออกมาตรการเพื่อความปลอดภัยให้กับเด็กๆ ด้วยการประกาศปิดการเรียนไปก่อน สำหรับจังหวัดที่มีแนวโน้มว่าจะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างรวดเร็ว โดยมีทั้งหมด 28 จังหวัดด้วยกัน ส่วนรายละเอียดของการปิดการเรียนนั้นจะมีการปิดต่อเนื่องตั้งแต่ปีใหม่ไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคม ปี พ.ศ. 2564  

    อย่างไรก็ตามการประกาศปิดเรียนในครั้งนี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง เพราะต้องดูสถานการณ์การระบาดของไวรัสแบบวันต่อวัน หากรัฐบาลและกระทรวงสาธารณะสุข สามารถแก้ไขปัญหาการระบาดของไวรัส หรือควบคุมการระบาดของไวรัสได้ เร็วก็อาจจะมีการเลื่อนเปิดเรียนให้เร็วขึ้นก็ได้ แต่ถ้าหากว่าไม่สามารถควบคุมได้ และยังมีการระบาดอย่างแพร่หลายไปอีกอาจจะมีการเลื่อนการปิดเรียนต่อไปได้อีก

     จะเห็นได้ว่าตอนนี้ทุกภาคส่วนต่างก็ได้รับผลกระทบกับการระบาดของไวรัสในครั้งนี้มาก เพราะในตอนนี้รัฐบาลประกาศปิดทำการหลายที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสวนสนุก  หรือแม้แต่โรงเรียน โรงหนัง รวมถึงตลาด และยังมีอื่นๆอีกมากมาย เรียกได้ว่าตอนนี้เดือดร้อนกันหมด ซึ่งหลายคนก็พากันกลัวว่า สถานการณ์จะเลวร้าย จนรัฐบาลอาจจะต้องมีการประกาศล็อกดาวน์ประเทศอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เศรษฐกิจต้องแย่มากกกว่าเดิมอย่างแน่นอน 

ยืนยันชายในคลิปที่ทำลายคอมพิวเตอร์ที่สนามบินดอนเมืองไม่ได้เป็นตำรวจนานแล้ว

             ยังคงพูดถึงกันไม่เลิกกับคลิปวีดีโอที่มีการแชร์เริ่มต้นใน Twitter และมีการแชร์ต่อๆกันไปในโลกออนไลน์ทั้งผ่าน youtube รวมถึงผ่านระบบ Facebook ด้วยซึ่งในคลิปจะเป็นการบอกถึงชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งน่าจะเป็นสามีภรรยากันต้องการเดินทางด้วยเครื่องบินโดยไปขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมืองแล้วเกิดไม่พอใจเนื่องจากพนักงานไม่ให้ขึ้นเครื่องเพราะทั้งคู่นั้นเดินทางมาถึงสนามบินช้าไป 30 วินาที

อย่างไรก็ตามได้มีคนตาดีถ่ายคลิปวีดีโอเอาไว้ขณะที่ชายหญิงคู่ดังกล่าวกำลังแสดงอาการไม่พอใจกับทางเจ้าหน้าที่สนามบินและสิ่งที่ทำให้ประชาชนที่เห็นข้อมูลในคลิปต่างก็ไม่พอใจในความหัวร้อนของคนทั้งคู่ก็เพราะว่าฝ่ายชายที่อยู่ในคลิปได้ทำลายคอมพิวเตอร์ของสนามบิน

อีกทั้งมีข่าวโซเชียลหลายคนได้มีการเข้าไปสืบประวัติชายหญิงคู่ดังกล่าวพบว่าฝ่ายชายนั้นเคยเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจมาก่อนซึ่งหลายคนก็ออกมาพูดถึงพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ในแต่ละวันนั้นมักจะมีข่าวเกี่ยวกับความประพฤติของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้านไม่ค่อยดีออกมาให้เห็นอยู่เป็นประจำอีก

ทั้งยังมีข่าวเกี่ยวกับเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อำนาจหน้าที่เกินกว่าเหตุซึ่งทำให้รองโฆษกตำรวจที่ได้มีการติดตามข่าวนี้ทนไม่ได้ต้องออกมาชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยมีการระบุว่าเมื่อมีการตรวจสอบไปแล้วใช้ที่อยู่ในคลิปที่อาละวาดที่สนามบินดอนเมืองนั้นปัจจุบันไม่ได้

เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วเพราะมีการลาออกไปแล้วซึ่งทางด้านรองโฆษกตำรวจยืนยันว่าชายคนดังกล่าวลาออกจากการเป็นตำรวจไปแล้วตั้งแต่ปีพศ 2557 ดังนั้นทางด้านรองโฆษกตำรวจจึงอยากจะฝากไปถึงชาวโซเชียลทั้งหลายว่าไม่อยากที่จะให้รังเกียจเจ้าหน้าที่ตำรวจและไม่อยากจะให้เหมารวมต่อการกระทำของชายคนดังกล่าวมาถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นๆเพราะพฤติกรรมที่ชายคน

ดังกล่าวกระทำที่สนามบินดอนเมืองนั้นเป็นพฤติกรรมส่วนตัวไม่เกี่ยวกับข้าราชการตำรวจเลยและที่สำคัญใช่คนนั้นก็ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วเช่นเดียวกันจึงไม่สามารถที่จะให้ทางโฆษกตำรวจนั้นออกไปจัดการชายคนดังกล่าวได้แต่เบื้องต้นเท่าที่ตรวจสอบมาก็คือทางสนามบินดอนเมืองได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับชายดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการแจ้งดำเนินคดีนั้นได้มีการแจ้งตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องแล้วเพราะที่สนามบินสุวรรณภูมิจะมีสนดอนเมืองอยู่ใกล้ๆทำให้เจ้าหน้าที่ของสนามบินได้มีการแจ้งความจับชายหญิงคู่ดังกล่าวแล้วนั่นเอง

อย่างไรก็ตามได้มีการเช็คประวัติชายคนดังกล่าวพบว่ามีการลาออกจริงตั้งแต่ปีพศ 2557 ซึ่งแต่เดิมนั้นเขาเคยสังกัดอยู่ที่สถานีตำรวจจังหวัดกาฬสินธุ์   ดังนั้นปัจจุบันนี้เทียบเท่ากับว่าชายคนนั้นไม่ได้มีความเกี่ยวพันกับหน่วยงานราชการตำรวจนานแล้วนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย   ufabet

กระแสการชูสามนิ้วพร้อมผูกโบว์ขาว กำลังทำให้โรงเรียนเดือด

         กำลังเป็นกระแสร้อนแรงอยู่ในขณะนี้เมื่อมีเด็กนักเรียนมัธยมออกมาร่วมต่อต้านระบบเผด็จการร่วมกับระดับนักศึกษาอุดมศึกษาซึ่งสิ่งที่เด็กมัธยมทำก็คือเมื่อเข้ามาในโรงเรียนเด็กๆจะมีการนำผ้าขาวมาผูกโบว์ที่ข้อมือและมีการชูสัญลักษณ์ 3 นิ้วขึ้นซึ่งว่ากันว่าสัญลักษณ์นี้เป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านระบอบเผด็จ

การและกระแสนิยมที่มีการชูสามนิ้วพร้อมกับผูกโบว์นี้กำลังเป็นที่นิยมเกือบทุกทั้งโรงเรียนทั่วประเทศซึ่งเด็กๆนั้นมักจะทำกันช่วงเวลาที่มีการเข้าแถวหน้าเสาธงในช่วงเช้าและตอนเย็นและในขณะนี้เกิดเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นในโรงเรียนเมื่อเราคุณครูเองก็ไม่พอใจกับการกระทำของเด็กนักเรียนที่มีการแสดงออกถึงสัญลักษณ์

ดังกล่าวซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องของผอโรงเรียนหรือคุณครูตบนักเรียนและต่อว่าได้ใช้คำหยาบคายหลังจากที่เห็นเด็กนักเรียนชู3 นิ้วขึ้นมาพร้อมกับผูกโบว์สีขาวที่ข้อมือในขณะที่พวกเขานั้นกำลังเคารพธงชาติหน้าเสาธงในช่วงเช้าของการเข้าเรียนอย่างไรก็ตามไม่ได้มีแค่เพียงโรงเรียนเท่านั้น

ที่กำลังมีความรุนแรงอยู่ในขณะนี้อีกหลายโรงเรียนทั่วทุกภาคในประเทศไทยกำลังประสบปัญหาแบบนี้ระหว่างคุณครูกับเด็กนักเรียนเรียกได้ว่ากำลังเดือดกันมากเลยทีเดียวก็แน่นอนว่าเด็กยังคงแสดงออกซึ่งสัญลักษณ์ถึงแม้จะถูกห้ามปรามส่วนทางด้านคุณครูเองก็เกิดอาการไม่พอใจ

ที่เด็กนักเรียนไม่ทำตามที่ตนเองสั่งถึงขนาดที่มีข่าวออกมาว่าคุณครูด่าพ่อแม่เด็กและมีการตบตีกระชากหัวทำร้ายร่างกายเด็กที่สำคัญกำลังมีการจะประกาศออกมาด้วยว่าหากเด็กคนไหนที่แสดงออกถึงสัญลักษณ์ดังกล่าวก็จะถูกไล่ออกจากทางโรงเรียนซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่เรื่องเลื่อนลอยที่มีการลืมกันเท่านั้น

แต่ยังมีข้อมูลจริงที่สามารถยืนยันได้ว่าในโรงเรียนขณะนี้กำลัเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจริงๆและถึงแม้ว่าทางโรงเรียนจะมีการประกาศไม่ให้เด็กแสดงสัญลักษณ์ต่างๆออกมาแต่เด็กๆก็ยังคงมีการแสดงสัญลักษณ์มากมายไม่ว่าจะเป็นการนำโบว์ไปผูกที่กระเป๋าหรือแม้แต่การที่มีการเป็นข้อความเกี่ยวกับข้อมูลทางด้านกฎหมายในสิ่งที่พวกเขาแสดงออกว่าสิ่งที่เขาทำนั้นไม่ได้ผิดกฎหมาย

แต่อย่างใดและยังมีคลิปหลุดออกมาด้วยเมื่อมีคลิปว่าคุณครูท่านหนึ่งมีการด่าเด็กนักเรียนเป็นสัตว์และยังต่อว่าไปถึงพ่อแม่ผู้ปกครองว่าไม่สั่งสอนลูกของตนเองอีกทั้งอย่างไรให้เด็กนักเรียนนั้นไปแสดงสัญลักษณ์เหล่านี้ไปแสดงออกถึงความต้องการแบบนี้ที่อื่นที่ไม่ใช่ในโรงเรียน

โดยคุณครูยังบอกอีกด้วยว่ากำลังติดกล้องวงจรปิดให้ทั่วทั้งโรงเรียนเพราะเห็นใครแสดงสัญลักษณ์เมื่อไหร่จะถูกเลือกผู้ปกครองและออกทันทีซึ่งหลังจากที่มีคลิปนี้เผยแพร่ออกไปก็ทำให้คนในโลกออนไลน์นั้นออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการกระทำของคุณครูท่านนี้เป็นอย่างมาก

 

สนับสนุนโดย    ufabet สมัครยังไง

เพื่อนบ้านแอบตัดกุญแจ เข้ามาอาศัยอยู่ในบ้าน

ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของเพื่อนบ้านนั้นมีมากหลายซึ่งปัญหาหลักๆของการอาศัยอยู่ร่วมกันของคนมีว่านั่นก็คือคนในหมู่บ้านมักจะไม่ค่อยมีมารยาท  ไม่รู้จักวิธีการอาศัยอยู่ร่วมกับคนอื่น  เห็นแก่ประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก

     ส่วนใหญ่แล้วจะพบเห็นปัญหาคนในหมู่บ้านเดียวกันทะเลาะกันสาเหตุก็เนื่องมาจากข้างบ้านเปิดเพลงเสียงดัง  แต่เพื่อนบ้านมักจะนำรถมาจอดบริเวณหน้าบ้านของคนอื่น  ทำให้กีดขวางการจราจร   รวมถึงบางคนไม่ยอมจ่ายค่าส่วนกลางและยังมีปัญหาการปลูกต้นไม้แล้วกิ่งไม้รำไปในบ้านของคนอื่น  หรือแม้แต่การต่อเติมบ้านเรายื่นเข้าไปในบ้านของคนอื่น  ปัญหาเหล่านี้คือปัญหาของเพื่อนบ้านที่เรามักจะประสบพบเจอกันและการแก้ไขปัญหานั้นค่อนข้างยุ่งยากเพราะต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมซึ่งกันและกันนั่นเอง

        อย่างไรก็ตามปัญหานี้ฟังดูจิตใจก็เลยเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ชายคนหนึ่งที่เขาได้มีการโพสต์ Facebook บอกเล่าเรื่องราวปัญหาของตนเอง  โดยเขาระบุว่าเขาซื้อบ้านทาวน์เฮ้าส์ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งเอาไว้แต่ไม่ได้เข้ามาอยู่อาศัยเพียงแค่ซื้อข้าวของมาเก็บไว้ภายในบ้านเช่นเคยพร้อมน้ำมีแอร์  และมีพวกโซฟาตู้เสื้อผ้าเขาเองนั้นอาศัยอยู่บ้านอีกหลังหนึ่งโดยพลาดของเขานั้นปล่อยทิ้งเอาไว้ไม่ได้มาดูแลเป็นระยะเวลานานถึง 4 ปีด้วยกันเดือนนี้ปีนี้รู้สึกอยากจะมาดูสภาพบ้าน

              แต่เมื่อเดินทางมาถึงที่บ้านของตนเองปรากฏว่ามีคนเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านของเขา  และเมื่อตรวจสอบดูแล้วพบว่าคนที่อาศัยอยู่ในบ้านของเขานั้นเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันนั่นเองโดยเพื่อนบ้านได้ตัดกุญแจรั้วบ้านของเขาและเข้ามาอยู่อาศัยเลยโดยนำรถเข้ามาจอดมาอาศัยหลับนอนซึ่งสภาพบ้านของเขานั้นจากที่มีการตกแต่งไว้อย่างสวยงามกับเละเทะและที่สำคัญปั๊มน้ำของเขาหายไป แอร์คอนดิชั่นของเขาก็หายไปด้วยเช่นเดียวกัน

         เขาระบุว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเพื่อนบ้านได้มีการต่อพ่วงสายไฟจากบ้านของตนเองที่อยู่ติดกันมาบ้านของเขาหลังจากนั้นก็พากันเข้ามาอยู่อาศัยซึ่งเบื้องต้นเขาได้พยายามพูดคุยกับเพื่อนบ้านให้แสดงความรับผิดชอบแล้วถามถึงสาเหตุว่าทำไมต้องเข้ามาบุกรุกบ้านของเขาแต่เพื่อนบ้านพยายามบ่ายเบี่ยงเบนและไม่มีใครออกมารับผิดชอบ

        ชายคนดังกล่าวยังบอกด้วยว่าในตอนแรกเขาไม่ต้องการที่จะแจ้งความดำเนินคดีเพราะรู้สึกสงสารเนื่องจากเห็นว่าเพื่อนบ้านนั้นมีลูกเล็กอยู่หลายคนแต่เมื่อเขาพยายามพูดคุยด้วยดีๆเพื่อนบ้านกลับรถหน้าหลบตาอยู่ตลอดเวลาซึ่งเขาให้ระยะเวลามา 3 วันแล้วแต่ก็ไม่มีความคืบหน้า

ดังนั้นเขาตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไปดำเนินคดีตามกฎหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการให้ซึ่งเขาเชื่อว่าบ้านหลังดังกล่าวนั้นจะต้องถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับขังคุกอย่างแน่นอนในข้อหาบุกรุกบ้านของคนอื่นโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตและทำลายทรัพย์สินขโมยข้าวของของเขา

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    ufabet บนมือถือ

ดราม่า …แม่ค้าหาดจอมเทียนปะทะลูกค้าถ้าไม่นั่งในร้านไม่ให้จอดรถหน้าร้าน

            ในโลกออนไลน์ได้มีสาวคนนึงโพสต์ข้อความลง Facebook พร้อมคลิปเป็นคลิปที่มีการทะเลาะกันระหว่างเธอกับลุงกับป้าคู่หนึ่งซึ่งเธอระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเธอมีการขับรถจากจังหวัดตากเพื่อมาเที่ยวที่เมืองพัทยาจังหวัดชลบุรี

แต่เมื่อมาถึงเธอไม่ได้ลงจากรถเนื่องจากว่าจะจอดรถรอเพื่อนของเธอก่อนซึ่งปกติแล้วเธอเคยมาเที่ยวพัทยาแล้วหลายครั้งโดยเธอก็จะจอดรถแบบนี้และไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนเลยด้วยเหตุการณ์ที่เธอเท่านั้นก็คือว่าเธอจอดรถเสร็จเรียบร้อยได้มีคนลงคนนึงเดินมาที่รถของเธอหลังจากที่เปิดกระจกรถคุยกัน

คุณลุงคนดังกล่าวก็ถามเธอเกี่ยวกับเรื่องของการจอดรถว่าจะมาจอดรถตรงนี้จะมานั่งที่ร้านของเขาหรือไม่ซึ่งเธอได้ปฏิเสธไปเพราะคิดว่าจะจอดเพียงแค่ 5-10 นาทีเท่านั้นชายคนนั้นกลับแสดงท่าทีไม่พอใจพร้อมกับเดินหายไปและผ่านไปไม่ถึง 2 นาทีก็เดินกลับมาใหม่พร้อมกับพาหญิงสาวคนนึงมาด้วย

ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นภรรยาของชายคนดังกล่าวโดยทั้งคู่ได้ออกมาต่อว่าเธอไม่ให้เธอจอดรถตรงที่เคยจอดโดยให้เหตุผลว่าเห็นหน้าร้านของพวกเขาซึ่งจะเอาไว้ให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการที่ร้านได้จอดรถหากเธอมาจากตรงนี้จะเป็นการวางหน้าร้านของพวกเขานั้นเองยังไง

ก็ตามเธอระบุว่าหลังจากที่ทะเลาะกันได้สักครู่เธอจึงได้มีการถ่ายคลิปเอาไว้ซึ่งในก่อนที่จะมีการถ่ายคลิปได้นั้นเป็นช่วงที่ทะเลาะกันหนักมากแต่หลังจากที่คนทั้งคู่นั้นเห็นว่าเธอได้ถ่ายคลิปพวกเขาก็พูดกับเธอด้วยท่าทีที่อ่อนลงอีกทั้งยังขอร้องให้เธอย้ายไปจอดรถที่อื่น

ซึ่งเมื่อเรื่องราวของหญิงสาวคนดังกล่าวถูกแชร์ออกไปและเรื่องรู้ไปถึงหูรองนายกเมืองพัทยาก็ทำให้พ่อค้าแม่ค้าทั้งคู่ถูกเรียกตัวไปคุยทันทีสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากในคลิปวีดีโอที่มีการใช้กันอยู่ในตอนนี้และทางด้านรองนายกเมืองพัทยาเองก็ได้ออกมาทำโทษพ่อค้าแม่ค้าคู่นั้นด้วยการสั่งให้หยุดขายของเป็นระยะเวลา 15 วันซึ่งทางด้านรองนายกเมืองพัทยาระบุว่าได้มีพูดคุยกับเราพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายแล้ว

ว่าไม่ให้มีการขับไล่ลูกค้าออกจากพื้นที่เพราะบริเวณที่ลูกค้ามาจอดรถนั้นเป็นพื้นที่สาธารณะลูกค้าสามารถจอดรถได้ดังนั้นนี่คือการลงโทษสถานเบาสำหรับการให้หยุดการขายของ 15 วันแต่ถ้าหากยังมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 จะถูกสั่งให้หยุดขายของถึง 3 เดือนด้วยกันและยังมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีกก็จะเป็นการให้เลิกขายของตรงบริเวณริมชายหาดพัทยาทันทีเพราะถือว่าเป็นการทำลายชื่อเสียงของชาวเมืองพัทยานั่นเอง

 

สนับสนุนโดย   gclub ฝาก ขั้นต่ำ 20

เกิดเหตุสลดเมื่อลูกชายวัย 14 ปียิงแม่และน้องสาวเสียชีวิต

เมื่อวันที่ 27 เดือนสิงหาคมปีพศ2563 ช่วงเวลาประมาณ 11.40 นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุจากพลเมืองดีว่าพบศพผู้เสียชีวิตจำนวน 3 ศพอยู่ภายในบ้านพักหลังหนึ่งซึ่งเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้นอยู่ตรงตำบลโคกหล่อเบอร์เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงก็พบศพผู้เสียชีวิตจำนวน 3 ศพด้วยกัน

ซึ่งศพแรกนั้นเป็นแม่ชื่อนางสาธิตา   และยังพบศพลูกสาววัย 14 ปีและลูกชายวัย 16 ปีเสียชีวิตซึ่งจากการดูศพแล้วตำรวจคาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วมากกว่า 12 ชั่วโมงโดยการเสียชีวิตของทั้ง 3 ศพนั้นถูกอาวุธปืนขนาดจุด 38 ยิงเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจสอบพื้นที่ไม่พบร่องรอยการงัดแงะจึงคาดว่าน่าจะเสียชีวิตจากการที่ยิงกันเองโดยผู้ที่ยิงนั้นน่าจะเป็นลูกชายวัย 16 ปีสภาพศพแล้ว

เป็นลักษณะของการนั่งยิงกรอกปากตนเองในขณะที่ 2 ศพแม่กับลูกสาวนั้นเสียชีวิตจากการถูกยิงอย่างไรก็ตามผู้ที่เจอศพคนแรกนั้นเป็นลูกน้องของนางสาธิตาเนื่องจากว่านางสาธิตานั้นเป็นผู้จัดการธนาคารแห่งหนึ่งในจังหวัดตรังและในวันดังกล่าวนี้มีการประชุมใหญ่ที่ธนาคาร

ซึ่งนางสาธิตาจะต้องเข้าร่วมประชุมด้วยแต่ปรากฏว่าเมื่อล่วงเลยเวลาการเข้าประชุมแล้วนางสาธิตาก็ยังไม่เดินทางไปทำงานดังนั้นทำให้ลูกน้องในที่ทำงานจึงพยายามติดต่อนางสาวธิตาแต่ก็ไม่มีใครสามารถติดต่อได้จึงได้มีการให้ลูกน้องคนหนึ่งเดินทางมาหานางสาธิตาที่บ้านเมื่อเรียกแล้ว

ไม่มีคนตอบรับจึงได้พยายามทำประตูรั้วเข้าไปและเมื่อเปิดประตูบ้านไปก็เจอศพของทั้ง 3 คนอยู่ในห้องนอนอย่างไรก็ตามบ้านหลังดังกล่าวนั้นมีกันอยู่แค่เพียง 3 คนเท่านั้นเนื่องจากผู้เป็นพ่อนั้นทำงานอยู่ต่างจังหวัดวันหยุดจึงจะกลับมาบ้านสักทีหนึ่งซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าสาเหตุการฆ่ากันตายในบ้านนั้น

อาจจะเกิดจากการที่เด็กชายวัย 16 ปีมีปัญหาเกี่ยวกับครอบครัวแต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นปัญหาเกี่ยวกับเรื่องอะไรซึ่งทางด้านญาติๆของครอบครัวที่เสียชีวิตนี้ไม่ได้ติดใจสาเหตุการตายว่าจะถูกฆาตกรรมแต่คิดว่าเกิดจากการที่หลานชายนั้นอาจจะเกิดความเครียดจึงได้ยิงแม่และน้องสาวส่วนชาวบ้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียงนั้น

ต่างก็บอกว่าในช่วงคืนเกิดเหตุนั้นเพื่อนบ้านต่างก็พากันได้ยินเสียงปืนดังหลายนัดแต่ก็ไม่คิดว่าจะมีเกิดเหตุยิงกันภายในบ้านหลังดังกล่าวเนื่องจากว่าบ้านหลังดังกล่าวนั้นปกติแล้วคนในครอบครัวรักใคร่กันดีและนางสาธิตาก็ไม่เคยมีปัญหากับใครมาก่อนรวมถึงลูกทั้งสองคนของนางสาธิตาก็เป็นเด็กดี

และเป็นเด็กเรียนเก่งครอบครัวนี้ไม่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการเงินดังนั้นจึงไม่มีใครสงสัยว่าจะมีการเกิดเหตุฆ่ากันตายภายในบ้านซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีการสอบสวนหาสาเหตุการตายอีกครั้งหนึ่ง

 

สนับสนุนโดย   ufabet บาคาร่า

เหตุเพราะขับรถปาดหน้ากัน

         เมื่อวันที่ 11 เดือนพฤษภาคมปีพศ 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจถนนพระราม 9 ได้รับแจ้งเหตุมีคนทะเลาะวิวาทกันบริเวณถนนพระราม 9 และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงก็ไม่พบคู่กรณีทั้งสองคนแต่อย่างใดจึงได้เดินทางกลับไปที่สถานีตำรวจแต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนโทรเข้ามาแจ้งเหตุการณ์อีกครั้งหนึ่งว่ามีคนทะเลาะชกต่อยกัน

ที่บริเวณถนนพระราม 9 จุดที่ 2 ซึ่งเมื่อเดินทางไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่พบผู้ก่อเหตุเช่นเดิมหลังจากนั้นไม่นานได้มีคนโทรเข้าไปแจ้งอีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งที่ 3 โดยระบุว่ามีคนก่อเหตุขับรถเฉี่ยวชนกันดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ

ซึ่งอยู่ตรงบริเวณแยกไฟแดงตรงบริเวณทางออกเชิงสะพานซึ่งห่างจากบริเวณแยกไฟแดงอยู่ประมาณ 300 เมตรเลยเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงพบรถเก๋งจอดอยู่ซึ่งภายในรถเก๋งมีชายหนุ่มวัย 27 ปีชื่อนายศรุตมีอาชีพเป็นสัตวแพทย์นั่งอยู่ในรถด้วยอาการตกใจใกล้กับรถเก๋งนั้นมีรถปิคอัพคันหนึ่งจอดอยู่ข้างในภายในรถพบนายยิ่งพันธ์อายุประมาณ 56 ปี

ซึ่งมีอาการถูกมีดแทงสอบสวนทราบว่า ทั้งคู่นั้นก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันตั้งแต่ตรงบริเวณทางแยกสะพานพระราม 9 แล้วโดยมีการขับรถปาดหน้ากันแล้วก็ลงมาทะเลาะกันแล้วครั้งหนึ่งหลังจากนั้นก็ขับรถปาดหน้ากันอีกซึ่งก็ลงมาทะเลาะกันอีกแต่การลงมาทะเลาะกันครั้งที่ 2 นี้ทางสัตวแพทย์หนุ่มได้มีการใช้มีดแทงไปที่นายยิ่งผ่าน

ซึ่งมีอาชีพเป็นทนายความหลังจากนั้นก็ขึ้นรถหลบหนีทำให้ทนายความนิ่งพันขับรถตามและมาเจอกันตรงบริเวณแยกไฟแดงซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยเดินทางมาถึงก็พบว่านายยิ่งพันธ์นั้นอยู่ในอาการช็อคทำกู้ภัยได้พยายามทำ CPR อยู่นานถึง 30 นาที

แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตเอาไว้ได้ในที่สุดทนายความคนดังก็เสียชีวิตภายในรถกระบะของตนเองส่วนทางสัตวแพทย์หนุ่มนั้นก็อยู่ในอาการช็อคและอยู่ในอาการทำอะไรไม่ถูกเพราะตกใจที่ตนเองนั้นแทงคนเสียชีวิต

       โดยเหตุการณ์ทะเลาะกันในครั้งนี้ได้มีพยานรู้เห็นกันเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะคนขับรถที่เป็นวินมอเตอร์ไซค์ซึ่งเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้นโดยเล่าว่าบริเวณถนนเส้นนี้มักจะมีการก่อเหตุการณ์ขับรถปาดหน้าและทะเลาะวิวาทกันเป็นประจำหรือไม่ก็อาจจะมีอุบัติเหตุรถชนหรือคนกระโดดฆ่าตัวตายซึ่งถือว่าเป็นถนนที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก

 

สนับสนุนโดย   ทางเข้า ufabet ภาษาไทย

หนูน้อยบ้านจน ถูกเพื่อนไล่ไม่ให้นั่งด้วย เพราะรังเกียจ

           มีเรื่องเล่าทางสังคมที่ควรคิดอยู่ในขณะนี้ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งได้มีการโพสต์ Facebook บอกเล่าเรื่องราวที่เขาเพิ่งไปเจอมาในร้านอาหารข้างทางของในหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งเรื่องราวนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับเด็กที่มีอายุเพียงน้อยนิดเท่านั้น

แต่กลับพบว่าเด็กๆกลับมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมมีลักษณะของการแบ่งชนชั้นวรรณะซึ่งสิ่งที่ชายหนุ่มคนนี้ได้โพสต์นั่นก็คือเขาเรียกออกไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่งในหมู่บ้านซึ่งในจังหวัดนั้นเขาเห็นเด็กๆประมาณ 3-4 คนกำลังพากันเดินมานี้ร้านขายก๋วยเตี๋ยว

ซึ่งเด็กๆก็มีการสั่งแม่ค้าให้ทำก๋วยเตี๋ยวมาให้แต่มีเด็กชายคนหนึ่งซึ่งดูจะแตกต่างจากเด็กคนอื่นงั้นเขาว่าเขาดูมีลักษณะของการแต่งกายที่เหมาะสมนำกว่าเด็กคนอื่นและที่สำคัญเขาไม่สั่งก๋วยเตี๋ยวเหมือนกับเด็กคนอื่นสั่งเลยเขาเดินมาส่งเพื่อนที่ร้านก๋วยเตี๋ยวหลังจากนั้นก็บอกลาเพื่อนเพื่อจะกลับบ้าน

ซึ่งชายหนุ่มที่โพสต์ Facebook เล่าว่าเขาเคยเห็นเด็กคนนี้มาหลายครั้งโดยจะมาวิ่งเล่นกับเพื่อนๆกลุ่มนี้ผิวเป็นประจำแต่ทุกครั้งที่มาเขามักจะสังเกตเห็นว่าเด็กผู้ชายคนนี้มักจะถูกเพื่อนๆใช้ให้ทำนู่นทำนี่เหมือนมาเป็นลูกน้องมาขออาศัยเล่นกับเขาซะมากกว่า

ซึ่งเขาได้มองเด็กดูแล้วเด็กน่าจะอยากกินก๋วยเตี๋ยวแต่อาจจะไม่มีเงินติดตัวมาด้วยความสงสารเขาจึงเรียกเด็กมาหาจะให้ไปสั่งก๋วยเตี๋ยวเดี๋ยวเขาจะออกเงินให้เด็กดูมีท่าทางดีใจวิ่งไปสั่งก๋วยเตี๋ยวและมานั่งร่วมโต๊ะกับเพื่อนบังจะนั่งกินก๋วยเตี๋ยวร่วมกับเพื่อนๆแต่กลับถูกเด็กผู้ชายในกลุ่มนั้นไล่ให้ไปนั่งที่อื่นอีกทั้งยังถามเพื่อนว่ามีเงินจ่ายหรอถึงไม่สั่งก๋วยเตี๋ยวมากินเมื่อเขาได้ยิน

ดังนั้นเขาจึงได้ตอบเด็กกลับไปว่ามีจ่ายเดี๋ยวน้าจะเป็นคนจ่ายให้เพื่อนเองทั้งเขายังได้ถามเด็กกลุ่มนั้นได้ว่าเพื่อนจนแล้วรังเกียจเพื่อนหรอซึ่งสิ่งที่เด็กตอบกลับมาทำให้เขารู้สึกซึ่งเป็นอย่างมากนั่นก็คือรังเกียจเด็กเรานี้มีการแบ่งชนชั้นวรรณะอย่างชัดเจนว่าถ้าหากจนพวกเขาจะไม่ยอมคบด้วยถึงผู้ชายคนนี้ต้องกลับมาที่บ้านแล้ว

มาอบรมสั่งสอนลูกตนเองเขาไม่อยากให้ลูกกลายเป็นเด็กที่มีการแบ่งชนชั้นวรรณะโดยมีการให้ลูกส่วนเด็กผู้ชายคนนั้นเล่นหากเจอเด็กคนนั้นที่ไหนก็ตามเพราะคนทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเป็นคนเหมือนกันหมดดังนั้นไม่ควรจะแบ่งกันที่ฐานะความมั่งมีหรือความจำสิ่งที่เขาได้นำมาโพสต์นั้น

เขาได้มีการระบุว่าไม่ได้มีการให้ใครอยากที่จะออกมาต่อว่าเด็กว่าเขาเชื่อว่าเด็กนั้นน่าจะมีความคิดแบบนี้มาจากพฤติกรรมการลอกเลียนแบบอาจจะดูมาจากทางทีวีหรืออ่านจากการที่ผู้ปกครองไม่ได้มีเวลาอบรมสั่งสอนลูกดังนั้นเขาจึงอยากที่จะ Facebook นี้เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับใครหลายๆคนที่มีลูกว่าควรจะมีการใส่ใจโลกและมีการหาเวลาสั่งสอน  ให้ลูก และไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ

 

สนับสนุนโดย    ทางเข้า UFABET ภาษาไทย

ใช้ปืนยินกรอกปากเมียดับ ตายทั้งกลม

  

ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านไม่พอใจที่เมียบ่นเรื่องกินเหล้า ใช้ปืนยินกรอกปากเมียดับ ตายทั้งกลม

              เกิดเหตุสลดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 เดือนสิงหาคมปีพศ2563 ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดเพชรบุรีเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งเหตุว่ามีคนฆ่าตัวตายภายในบ้านพักซึ่งคนที่โทรแจ้งตำรวจนั้นก็คือสามีของเธอเองโดยหญิงสาวที่ฆ่าตัวตายนั้นชื่อว่านางสาวรุ่งทิพย์ส่วนสามีของเธอนั้นเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านชื่อว่านายชัยราชวัตร

ซึ่งเขาได้ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าช่วงที่เกิดเหตุนั้นเขาและภรรยาได้ทะเลาะกันและภรรยาน้อยใจจึงได้ใช้อาวุธปืนยิงกรอกปากตนเองเสียชีวิตอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ปักใจเชื่อจึงได้นำศพของผู้เสียชีวิตนั้นส่งตรวจชันสูตรอีกครั้งหนึ่งที่โรงพยาบาล

และผลปรากฏออกมาว่าลักษณะของวิถีกระสุนของปืนนั้นไม่น่าจะเกิดจากการยิงตัวเองตายซึ่งในที่เกิดเหตุนั้นทั้งด้านนาย ชัยราชวัตรซึ่งเป็นสามีของผู้เสียชีวิตนั้นยืนยันว่าอยู่ด้วยกันแค่เพียง 2 คนเท่านั้นไม่มีพยานคนอื่นจึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความเชื่อได้ว่าผู้ที่ลงมือก่อเหตุฆ่านางสาวรุ่งทิพย์จนเสียชีวิตนั้นคือนายชัยราชวัตร

ซึ่งเป็นสามีเองโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นได้ควบคุมตัวมาทำการสอบสวนและหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับเขม่าดินปืนที่อาจจะติดตามร่างกายของนายชัยราชวัตรอย่างไรก็ตามในที่สุดแล้ว นาย ชัยราชวัตรก็ยอมรับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในที่สุดว่าเขาเป็นผู้ลงมือสังหารภรรยาของเขาเอง 

โดยสาเหตุที่ฆ่าภรรยาของเขานั้นเนื่องจากว่าภรรยาของเขานั้นบอกว่าเขาเกี่ยวกับเรื่องที่เขานั้นชอบไปกินเหล้ากับเพื่อนทำให้เขาเกิดความรู้สึกโมโหและขาดสติชั่วคราวจึงได้ใช้อาวุธปืนสังหารภรรยาจนถึงแก่ความตาย

              อย่างไรก็ตามทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการส่งเรื่องดำเนินคดีกับนายชัยราชวัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้วในข้อหาฆ่าคนตายซึ่งภรรยาของนายชัยราชวัตรนั้นกำลังท้องแก่ใกล้คลอดโดยทางญาติของผู้ตายนั้นบอกว่าอีกเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้นผู้ตายก็จะคลอดลูกแล้วเหตุการณ์ในครั้งนี้สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับญาติของผู้เสียชีวิตเป็นอย่างมาก

           สำหรับข่าวล่าสุดยืนยันออกมาว่าครอบครัวของนายชัยราชวัตรได้มีการนำเงินจำนวน สี่แสน บาทมาทำเรื่องขอประกันตัวนายชัยราชวัตรออกจากห้องคุมขังเป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งทางด้านญาติของผู้เสียชีวิตเองก็เกิดความกลัวว่าเมื่อนายชัยราชวัตรออกมาจากห้องคุมขังได้จะมาทำร้ายครอบครัวของผู้เสียชีวิตจึงได้ปรึกษาเจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งเจ้าหน้าที่ไปคอยดูแลบรรดาญาติพี่น้อง และพ่อแม่ของผู้เสียชีวิตจนกว่าจะสิ้นสุดคดีความ 

 

ขอบคุณ  www.ufabet.com ช่องทางเข้าเว็ปพนัน   ที่ให้การสนับสนุน

ความรักในยุคโซเชียลมีเดีย

ความรักไม่ว่าจะยุคไหนเป็นสิ่งสวยงามและเกิดขึ้นได้ในทุกยุคทุกสมัย ความรักเกิดขึ้นจากที่คนสองคนมีความสเน่หาในกันและกันหวังเพียงจะคอบครองกัน มีวามเป็นห่วงเป็นใยกัน รู้จักการรับและการให้กันและกัน

แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปรูปแบบความรักก็เปลี่ยนไปตามยุคสมัย และในยุคสมัยนี้คือยุคสมัยที่มีโซเชียลมีเดีย และระบบออนไลน์ทำให้คนเราทั้งโลกสามารถสื่อสารเชื่อมต่อกันได้ง่ายมากขึ้น จากคนที่ไกลกันก็ทำให้รู้สึกไกลกันได้

ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารในรูปแบบใหม่ๆที่เกิดการพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อการติดต่อสื่อสารเป็นเรื่องที่ง่ายความรักก้เกิดขึ้นง่ายเช่นกัน ผลวิจัยพบว่าส่วนมากคู่รักในยุคนี้เจอกันผ่านโซเชียลมีเดียออนไลน์ประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทาง เฟสบุ๊ค อินสตาแกรม หรือ แอปพิเคชั่นหาคู่ต่างๆ 

เมื่อได้มีการติดต่อสื่อสารกันแล้วก็มีการนัดเจอกันหรือการทำความรู้จักกันมาขึ้น ทุกคู่ที่มีการนัดเจอกันก็มีทั้งคู่ที่สมหวังและคู่ที่ต้องผิดหวังเพราะเหตุผลส่วนใหญ่ที่ว่า รูปไม่ตรงปกหรือรูปไม่เหมือนตัวจริงนั่นเอง และนี่เป็นเหตุผลว่าคนเราในยุคโซเชียลนั้นมักตัดสินคนอื่นจากรูปลักษณ์ภายนอก

ทำให้ความรักในยุคโซเชียลนี้ไม่มีความมั่นคงนัก เพราะเมื่อรามองคนจากภายนอก เราก็จะมองว่าคนนั้นสวย หล่อ และทำให้เราอยากสานสัมพันธ์กับคนๆนั้นผ่านโซเชียลนั่นเอง เพราะเมื่อเรามีการที่ติดต่อสื่อสารกันได้โดยง่าย ทำให้เราไม่ค่อยเห็นถึงความสำคัญหรือตะหนักในสิ่งที่เรามีอยู่นั่นเอง

และเมื่อความรักเกิดได้ง่ายในโซเชียลก็จะทำให้คนในยุคนี้เปลี่ยนคู่รักบ่อยมากขึ้น แต่จริงๆแล้วยุคโซเชียลก็มีข้อดีคือทำให้เราได้เจอความรักที่หลายรูปแบบมากขึ้น เจอผู้คนมากขึ้น และก็มีหลายคู่ที่สมหวังกับความรักในยุคนี้ผ่านทางโซเชียลเช่นกัน ดังนั้นโซเชียลถือว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่นความรักในยุคนี้เช่นกัน หากเรานำไปใช้อย่างถูกวิธีและเหมาะสม เพราะความรักนั้นไม่ว่จะยุคไหนความรักต้องอยู่บนพื้นฐานความซื่อสัตย์ความจริงใจต่อกันและกัน

จริงอยู่ที่สังคมปัจจุบันนั้นมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เรียกว่าโซเชียลมีเดียมากมาย ทั้งหมดนั้นล้วนมีประโยชน์ในตัวของมันทั้งสิ้นในยุคที่เรียกว่าต้องการความเร็วในการสือสารแบบนี้ แต่ดาบสองคมนี้ก็เป็นอะไรที่ต้องระมัดระวังอย่างมากเช่นกัน เพราะสื่อบนโซเชียลนี่แหละที่อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาหลายๆอย่างจนยากจะแก้ไขได้ ในหลายประเทศก็ได้มีการจำกัดการใช้อย่างจริงจังเพราะเหตุนี้นี่แหละ

 

สนับสนุนโดย   ทางเข้า gclub มือถือ