คลังเก็บป้ายกำกับ: ข่าวสังคมทั่วไป

สื่อสารมวลชนประเทศไทยไร้จรรยาบรรณ

เมื่อไม่นานมานี้ซึ่งถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์สุดช็อคของประเทศไทย โศกนาฏกรรม ความสูญเสียที่เกิดขึ้น คือ ยิงกราดเมืองโคราช เชื่อว่าหลายๆคนคงจะทราบข่าวนี้กันเป็นอย่างดี ต้องขอกล่าวแสดงความเสียต่อผู้บริสุทธิ์ที่เสียชีวิตและเจ้าหน้าที่จากหลากหลายหน่วยงานที่เสียสละอีกครั้ง

ตอนนี้เหตุการณ์ก็ได้จบแล้ว คนร้ายถูกวิสามัญไปเป็นที่เรียบร้อย หลังจากนี้เหลือแค่เพียงการนำเสนอข่าว พูดถึงการนำเสนอข่าวแล้ว หากใครที่ได้ติดตามข่าวนี้จากโซเชียลมิเดีย จะเห็นได้ว่าผู้คนในสื่อโซเชียลมิเดียนั้นได้รุมด่าว่ากราดสื่อที่นำเสนอข่าวนี้

หากถามว่าเพราะเหตุใด นั้นอาจจะเป็นเพราะสื่อแต่ละช่องมีความไร้จรรยาบรรณต่อหน้าที่ หลายคนคงอาจจะกำลังสงสัยว่าสื่อเหล่านั้นทำอะไรบ้าง เดี๋ยวจะมาพูดถึงสื่อที่เป็นประเด็นกันอยู่ตอนนี้

  • สื่อช่อง ONE 31 ได้มีการรายงานถ่ายทอดสดว่า หากต้องการที่จะเห็นกองกำลัง หรือ เห็นโดยรอบของพื้นที่Terminal21 เมืองโคราช ก็จะต้องขึ้นไปบนหอคอยสังเกตการณ์ และในภายหลังเวลาต่อได้มีรายงานออกมาว่าผู้ร้ายได้ทำการขึ้นไปยังหอคอยจริงๆ
  • สื่อช่อง ไทยรัฐ ได้มีการรายงานถ่ายทอดสดโดยรายงานถึง การวางแผนของเจ้าหน้า และ ได้พูดถึงตำแหน่งต่างๆของกองกำลังแต่ละหน่วยงานว่าอยู่ตรงจุดไหน ซึ่งทำให้เห็นว่าผู้ร้ายจะทราบถึงตำแหน่งและแผนของเจ้าหน้าที่ แต่มีการไหวตัวทัน
  • สื่อช่อง อมรินทร์ ได้ทำการต่อสารโทรศัพท์ไปยังครอบครัวของผู้เสียชีวิตรายหนึ่ง ซึ่งบุคคลภายในครอบครัวยังไม่มีใครทราบข่าวการเสียชีวิตครั้งนี้ ไม่เพียงแค่โทรศัพท์ไปแจ้งข่าว แต่ยังต้องการพูดคุยและสัมภาษณ์ต่อ เป็นเหตุที่ว่าหน้าที่นี้ไม่ควรจะเป็นสื่อที่โทรศัพท์ไปแจ้ง

จากเหตุการณ์ทั้งหมดของการกระทำของสื่อแต่ละช่อง ทำให้ผู้คนในโซเชียลมิเดียแห่กันไปด่า ซึ่งหลักๆแล้วก็คือ การที่สื่อในไม่มีจรรยาบรรณของการปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเหมาะสม ขออนุญาตยกตัวอย่างงานวิจัยเรื่องสื่อของอเมริกาที่กล่าวว่า สื่อเป็นสิ่งสำคัญที่จะเป็นตัวชี้วัดได้เลยว่า จะทำให้เหตุการณ์กราดยิงนั้นเพิ่มมากขึ้นหรือลดลงน้อยลง

เพราะความผิดพลาดของสื่อเมริกาที่ทำมาแล้วนั้นก็ไม่ได้ต่างจากของไทยในตอนนี้ หากจะพูดว่าไทยไม่ค่อยมีเหตุการณ์แบบนี้ก็คงจะไม่สามารถพูดได้เต็มปาก เพราะถึงอย่างไรแล้ว ถ้าหากสื่อคำนึกถึงจรรยาบรรณของวงการสื่อสารมวลชนเอาไว้อย่างนี้ เหตุการณ์การนำเสนอข่าวอย่างที่ได้กล่าวไปคงจะไม่เกิดขึ้น

แต่ก็ยังคงมีสื่อบางช่องที่นำเสนอข่าวได้อย่างตรงไปตรงมา และปฏิบัติหน้าที่อย่างเหมาะสม ซึ่งผู้คนในโซเชียลมิเดียก็ต่างพากันชื่นชม และพยายามที่จะเรียกร้องไปถึงสื่อที่รายงานข่าว นำเสนอข้อมูลที่ไม่เหมาะสม ให้มีการปฏิรูปของงานด้านสื่อสารมวลชนเสียใหม่หมด เพื่อจะได้ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกครั้ง

ข่าวเจอหลวงพ่อเดินกลางแดดที่ร้อนจัด

ข่าวเจอหลวงพ่อเดินกลางแดดที่ร้อนจัดจะรับไปส่งแต่หลวงพ่อปฏิเสธและยังให้พรอีกด้วย

                 อีกหนึ่งข่าวที่อ่านแล้วน่าประทับใจทุกคนในสังคม ซึ่งมีผู้ใช้เฟสบุ๊กรายหนึ่งถ่ายทอดเรื่องราวความประทับใจให้กับเพื่อนๆในเฟสด้วยกันอ่านและมีการส่งต่อกันจนเป็นขาวดัง ด้วยว่าชายคนดังกล่าวกำลังขับรถเพื่อจะไปงานเลี้ยง ซึ่งในขณะที่เขาขับรถผ่านมาตรงถนนภูพาน เขาก็เจอกับพระสงฆ์รูปหนึ่งซึ่งค่อนข้างชราภาพมากแล้วอายุน่าจะสักประมาณ 70ปี

ได้กำลังเดินตากแดดด้วยเท้าเปล่าอยู่ที่ข้างถนน เขาจึงได้จอดรถเพื่อจะบอกให้พระองค์นั้นขึ้นรถยนต์เดี๋ยวเขาจะขับรถไปส่งท่านเอง ซึ่งหลวงพ่อก็บอกกับเขาไม่ว่าไม่ไปท่านจะเดินไปเอง และเมื่อชายคนดังกล่าวถวายปัจจัยให้ท่าน พระสงฆ์องค์นั้นก็ไม่รับ พอเขาบอกว่าจะขับรถลงไปซื้อน้ำมาถวายให้ พระสงฆ์องค์นั้นก็บอกว่าไม่ต้อง เดี๋ยวเดินลงเขาไปเรื่อยก็มีคนนำของมาถวายเอง พระท่านไม่ต้องการให้ชายคนดังกล่าวเสียเวลาเดี๋ยวท่านเดินเท้าไปเองเรื่อยๆ

ก็ถึงและท่านยังได้ให้ชายคนดังกล่าวนั่งรับพร และท่านยังเอามือมาลูบหัวให้พรกับชายคนดังกล่าว ทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก และเมื่อเจอกับพระสงฆ์ที่มีจิตใจใฝ่ในทางธรรมเช่นนี้ก็ทำให้รู้สึกเกิดความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาขึ้นอีกมาก จึงได้มีการนำเรื่องราวดีๆนี้มาบอกต่อให้เพื่อนในเฟสได้รับรู้ และเรื่องก็มีการเผยแพร่ออกมาอย่างกว้างขวางจนเป็นข่าวดัง

            สำหรับใครที่ได้อ่านข่าวนี้คงมีความรู้สึกไม่ต่างกันนั่นก็คือ เกิดความเลื่อมใสศรัทธาในพระสงฆ์รูปนี้กันเป็นจำนวน และหากมีโอกาสก็อยากจะเจอกับท่านสักครั้งเพื่อให้ท่านได้ให้ศีลให้พร เพราะพระสงฆ์ที่เน้นการปฏิบัติธรรม เคร่งแบบนี้ค่อนข้างหายาก บางครั้งเจอพระสงฆ์เดินอยู่ริมถนนก็ยังคิดว่าบางทีอาจเป็นพวกแก๊งมิจฉาชีพที่ชอบนำจีวรมาใส่เพื่อหลอกให้ถวายปัจจัยหรือ

หรือให้ซื้อของมาใส่บาตรให้ เพราะเคยเจอมากับตัวเองที่พระสงฆ์บางรูปไม่ยอมรับกับข้าวที่เราตั้งใจซื้อมาใส่บาตรแต่จะรับเพียงซองเงินให้ใส่บาตรเท่านั้น

ซึ่งทำให้บางคนที่เจอกับเหตุการณ์แบบนี้หมดความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาลงไป ซึ่งหากประชาชนได้เจอกับพระสงฆ์อย่างที่กำลังปรากฏอยู่ในข่าว ณ ขณะนี้จะเป็นการกระตุ้นให้คนเกิดมีใจรักในศาสนาพุทธได้มากขึ้น อย่างน้อยใครที่อ่านข่าวนี้จบก็จะมีใจรักในศาสนาพุทธมากขึ้นแน่นอน

ไม่พายเรือให้โจรนั่ง

จากเหตุการณ์ที่มีข่าวออกมาเรื่องของการกักตุนหน้ากากอนามัย ซึ่งเป็นฝีมือของคนใหญ่คนโตในพรรคของฝ่ายรัฐบาลนั้น ทำให้เกิดกระแสการโจมตีการทำงานของรัฐบาลในโลกของโซเชียลเป็นอย่างมาก

และมีเสียงเรียกร้องให้นายกฯ ออกมาตอบคำถามของสื่อว่าเกิดอะไรขึ้นและทำไมถึงปล่อยให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้ และจะมีการลงโทษหรือแก้ไขกันอย่างไร แต่จนวินาทีนี้ก็ยังไม่เสียงตอบรับหรือคำพูดใดๆ ออกมา มีเพียงแต่เสียงของตัวการที่ถูกอ้างอิงและพาดพิงถึงว่า มีส่วนรู้เห็นและอยู่เบื้องหลังของการกระทำครั้งนี้ของลูกน้องตัวเอง และประกาศต่อสังคมว่า หากสังคมไม่ยอมรับตัวเค้าเองนั้นที่พยายามทุ่มเทให้กับบ้านเมืองขนาดนี้แล้วหล่ะก้อ

เค้าก็พร้อมที่จะลาออก (แต่เอาเข้าจริงๆ ล่าสุดกลับออกมาแถลงกลับสื่อว่า พร้อมจะอยู่ต่อเพื่อขอพิสูจน์ว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งการพิสูจน์นั้นในหลักความเป็นจริง เมื่อคุณลาออกแล้ว เพื่อแสดงความมีสปริตร แล้วค่อยมาพิสูจน์ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องจริง ภาพมันจะดูดีซะกว่า)

แต่ต้องบอกเลยว่างานนี้มีเบื้องหลังอย่างแน่นอน เพราะหลังจากที่เพจดังเพจหนึ่ง เป็นแหล่งข้อมูลที่คนไทยในโลกของสังคมออนไลน์ให้ความเชื่อถือและติดตามกันเป็นอย่างมาก และเป็นเพจที่ให้ข้อมูลและประกาศข่าวนี้ขึ้นมา ซึ่งล่าสุดเพจนี้ขอทำการปิดเพจเป็นอันชั่วคราว โดยให้เหตุผลว่าเพื่อความปลอดภัยของชีวิตเจ้าของเพจและทีมงาน นี่จึงเป็นการบ่งบอกว่าอาจจะมีการขู่กันนอกรอบก็อาจจะเป็นไปได้ และการสืบสวนหาข้อเทจจริงจากฝ่ายรัฐบาลก็ไม่ชัดเจน ทั้งๆ ที่ข่าวออกมาเกือบครึ่งวัน

แต่ฝ่ายรัฐบาลกลับทำนิ่งเฉย จนเวลาผ่านไปเกือบวัน ค่อยส่งกำลังเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบว่ามีของกลางอยู่จริงมั้ย ซึ่งผลที่ได้คือไม่มีของกลางตามที่แหล่งข่าวอ้างมา ทั้งๆ ที่แหล่งข่าวมีภาพหลักฐานชัดเจน รวมถึงภาพบุคคลที่สามารถยืนยันตัวตนได้ และสมุดบัญชีธนาคารที่ตรวจสอบตัวเลขเห็นยอดเงินการซื้อขายได้อย่างเต็มตา แต่เมื่อถึงเวลากลับไม่เหลือหลักฐานอะไรสักอย่างทิ้งไว้ นั่นก็เป็นเหตุผลที่คำถามบนโลกออนไลน์ว่าทำไม ต้องรอเวลาเพื่อให้ผู้ต้องสงสัย มีเวลาทำลายหลักฐาน แต่ก็เหมือนเดิมไม่มีคำตอบจากผู้นำของประเทศไทยที่เรียกว่านายกฯ

จนปัจจุบันมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์และเสียงแตกกันเองในฝ่ายร่วมรัฐบาลว่า คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีชื่อนั้น ควรจะแสดงเจตจำนงลาออกจากตำแหน่ง และไล่ออกลูกน้องของเค้าออกจากการเป็น ส.ส. ของพรรคซะ เพราะจะทำให้เสียชื่อของรัฐบาลและพรรคการเมืองที่สังกัดอยู่ และคนอื่นที่เหลืออยู่ในพรรค ก็จะไม่ยอมช่วยกันพายเรือให้โจรนั่งอยู่อย่างแน่นอน

ข่าวที่น้องทิมออกมาดราม่ากลัวจะไม่ได้เรียนหมอ

ข่าวที่น้องทิมออกมาดราม่ากลัวจะไม่ได้เรียนหมอเพราะค่าเทอมแพงปีละ 400,000 นั้นทางกระทรวงยืนยันออกมาว่าน้องได้เรียนแน่นอน 

จากกรณีที่มีเด็กนักเรียนผู้ชายคนหนึ่งเป็นนักเรียนชั้นปอหกของโรงเรียนสามัคคีศึกษาอยู่ที่จังหวัดตรังได้ออกมาบอกว่าตัวเองสอบติดคณะแพทย์ศาตของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ แต่อาจจะไม่ได้เรียนต่อด้านการแพทย์อย่างที่ตั้งใจเอาไว้เพราะด้วยฐานะทางบ้านมีฐานะที่ไม่ค่อยดีมากนักพ่อแม่จึงไม่มีเงินส่งให้เราเรียนได้ตามที่ต้องการ

ซึ่งเด็กชายคนหนึ่งกล่าวได้มีการแสดงผลการเรียนให้เห็นว่าเขาเป็นเด็กเรียนเก่งเรียนดีซึ่งเด็กชายคนดังกล่าวได้มีการโพสต์ขอความช่วยเหลือจากกลุ่มชาวสังคมโซเชียลอยากจะให้ช่วยออกเงินค่าเล่าเรียนให้กับตนเอง

เพราะตนเองไปฝันอยากจะเป็นนายแพทย์แต่ถ้าเกิดฐานะทางบ้านยังเป็นอย่างนี้ก็อาจจะทำให้ฝันของเค้าไม่เป็นความจริงขึ้นมาได้ ซึ่งเมื่อมีการแชร์เกี่ยวกับการขอความช่วยเหลือของเด็กชายคนนี้ออกมาหลายฝ่ายก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องของราคาค่าเทอมที่ดูจะสูงเกินไปมากนักสำหรับคนที่เรียนดีแต่มีฐานะยากจนจนเรื่องหนึ่งกล่าวโด่งดังมาถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา

ซึ่งได้ออกมายืนยันกับทุกคนว่ากรณี

อย่างน้องทีมเด็กชายที่โพสต์ขอความช่วยเหลือเรื่องการขอเงินค่าเทอมเพื่อไปเป็นค่าเทอมสำหรับการเรียนแพทย์นั้นเท่าที่เช็คกับทางมหาวิทยาลัยค่าใช้จ่ายไม่ได้มากมายถึงขนาดนั้นโดยทางมหาวิทยาลัยเองก็ได้มีการนำเอกสารชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของการเรียนแพทย์ออกมาให้ประชาชนได้รับทราบรวมถึงยังมีการระบุด้วยว่าทางมหาวิทยาลัยเองก็มีทุนการศึกษาให้หากเด็กคนไหนมีการดินดีแต่มีฐานะยากจน

ซึ่งโดยปกติทุนการศึกษานี้ก็จะมีให้กับทุกโรงเรียนอยู่แล้วดังนั้นหากน้องเป็นเด็กเรียนดีแต่ขาดแคนทุนทรัพย์ทางมหาวิทยาลัยก็ยินดีให้การสนับสนุนโดยนักศึกษาไม่จำเป็นต้องลาออก ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้อาจจะเกิดขึ้นได้จากที่เด็กชายทิมอาจจะยังไม่รู้ว่าจะต้องไปขอทุนการศึกษาจากที่ไหนทำให้เกิดความกลัวว่าจะไม่ได้เรียนอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ดังนั้นทางโรงเรียนเองหรือแม้แต่ทางกระทรวงการศึกษาที่การควรจะมีการคิดหามาตรการที่จะสามารถประชาสัมพันธ์ให้กับเด็กเด็กและผู้ปกครองตามต่างจังหวัด

สามารถรู้ได้ว่าหากเราไม่มีทุนในการเรียนต้องการที่จะเป็นการขอทุนการศึกษาจากทางโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยแล้วควรจะติดต่อใครผ่านช่องทางไหนได้บ้างเพื่อที่เขาเหล่านั้นจะได้หาข้อมูลเบื้องต้นในการที่จะไปติดต่อขอทุนการศึกษาเพื่อที่จะได้ไม่มีกรณีเหมือนเด็กใช้ทิมเกิดขึ้นที่ต้องหันมาพึ่งถึงการศึกษาจากโลกโซเชียลเพียงเพราะไม่รู้ข้อมูลก็จะต้องไปหาทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัยได้อย่างไร